การผ่าตัดเข้าไปในข้อจะมีการล้างสิ่งสกปรกออกมา แล้วล้างให้สะอาด จากนั้นรอผลเพาะเชื้อและให้ยาปฏิชีวนะตามหลัง แต่ถ้าเป็นการติดเชื้อตรงกระดูกที่แข็งจะมีการเปิดเข้าไปเพื่อที่จะนำส่วนที่ติดเชื้อออก เนื่องจากการติดเชื้อไปนานๆจะส่งผลให้กระดูกตาย
พญ.นิสาลักษณ์ อุโพธิ์
ภาควิชาออร์โธปิดิกส์และเวชศาสตร์ฟื้นฟู
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
โรคกระดูกอักเสบติดเชื้อ เป็นการอักเสบและติดเชื้อที่บริเวณกระดูก ไขกระดูก (Bone marrow) และกล้ามเนื้อที่อยู่โดยรอบ อาจเกิดจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิดทำงานบกพร่อง นอกจากนี้โรคที่มีความผิดปกติในกระบวนการสร้างและสลายกระดูกอื่นๆ
สาเหตุของโรคกระดูกอักเสบติดเชื้อ
70-80% ของผู้ป่วยโรคนี้ เกิดจากเชื้อสแตฟฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบและเชื้ออาจเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ได้แก่
- เข้าทางเนื้อเยื่อ
- ทางแผลกดทับ
- ทางหลอดเลือด
- ทางแผลผ่าตัด
- เข้าทางกระดูกโดยตรง
- จากการผ่าตัดโดยมีการปนเปื้อนเชื้อ
- มีกระดูกหักแบบเปิด
- บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น แผลถูกปืนยิง เป็นต้น
- จากกระแสเลือดโดยการติดเชื้อที่ทอนซิล (Tonsils)
- เป็นฝี
- ทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่ จมูก คอหอย
- การติดเชื้อที่อาจเกิดจากการรับประทานอาหารไม่เพียงพอ
สำหรับกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อจนทำให้เกิดโรคกระดูกอักเสบติดเชื้อ ได้แก่
- ผู้สูงอายุ
- คนอ้วน
- ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus: DM)
- ผู้ป่วยที่ใช้ยาสเตียรอยด์ (Steroids) หรือใช้ยากดภูมิต้านทานเป็นเวลานาน
- ผู้ป่วยที่ผ่าตัดแล้วมีแผลติดเชื้อภายใน 30 วัน
อาการของผู้ป่วยโรคกระดูกอักเสบติดเชื้อ
- มีไข้สูง
- มีอาการปวด
- ผิวหนังบวม แดง ร้อน
- ขยับเคลื่อนไหวไม่ได้
- เมื่อเข้าสู่ระยะเรื้อรังจะมีกระดูกตาย
ในการรักษาโรคนี้ จะต้องให้กระดูกที่อักเสบได้พัก และมีการจ่ายยาหรือสารอาหารเพื่อรักษากระดูก
- ให้ยาปฏิชีวนะ
- ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
- ให้เลือดหากมีอาการซีดมาก
- ให้อาหารที่มีแคลอรีสูง รวมทั้งโปรตีนและวิตามินสูง