ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่เสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพได้ง่าย โดยเฉพาะกระดูกหัก เนื่องจากกระดูกเปราะง่ายและต้านแรงกระแทกไม่ได้ ทำให้เสี่ยงได้รับบาดเจ็บที่กระดูกอย่างรุนแรงมากกว่าคนวัยหนุ่มสาวที่มีมวลกระดูกหนาและแข็งแรงกว่า โดยบริเวณที่ผู้สูงอายุมักเสี่ยงเกิดกระดูกหัก ได้แก่ สะโพก ต้นขา อุ้งเชิงกราน กระดูกสันหลัง แขน มือ เท้า และข้อเท้า
ทำไมผู้สูงอายุถึงกระดูกหัก?
ภาวะกระดูกหักในผู้สูงอายุมักเกิดจากการหกล้ม ทั้งยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้สูงอายุได้รับบาดเจ็บ ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้สูงอายุเสี่ยงหกล้มจนกระดูกหัก มีดังนี้
ปัจจัยเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม
- พื้นห้องหรือกระดานไม้ลื่นและไม่แข็งแรง ทำให้หกล้มได้ง่าย
- แสงไฟตามทางเดินที่ไม่สว่างเพียงพอ ทำให้มองทางไม่ชัด
- นั่งเก้าอี้ที่ชำรุดจนล้มลงกระแทก
- วางของไม่เป็นระเบียบ ทำให้เดินสะดุดและหกล้ม
ควรดูแลผู้สูงอายุที่กระดูกหักอย่างไร
ผู้สูงอายุที่กระดูกหักต้องเข้ารับการรักษากับแพทย์ เพื่อให้กระดูกเคลื่อนกลับเข้าที่และอยู่ในตำแหน่งเดิมจนกว่าจะหายดี โดยแพทย์จะพิจารณารักษาด้วยวิธีที่แตกต่างกันไป ได้แก่ ใส่เฝือก ใส่อุปกรณ์สำหรับพยุงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ไม่ให้ขยับ ใช้การดึงถ่วงน้ำหนักเพื่อบรรเทาอาการปวดและเคลื่อนกระดูกให้อยู่ในแนวที่ต้องการ หรือผ่าตัด นอกจากนี้ ผู้ใกล้ชิดและสมาชิกในครอบครัวควรดูแลผู้สูงอายุหลังเข้ารับการรักษา โดยวิธีดูแลขึ้นอยู่กับบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ
กรณีกระดูกแขนหรือมือหัก
- นำน้ำแข็งห่อด้วยผ้าขนหนูสะอาดและประคบบริเวณที่กระดูกหัก
- วางมือให้อยู่เหนือหัวใจ เพื่อบรรเทาอาการบวม
- ให้ผู้ป่วยรับประทานยาแก้ปวดตามคำแนะนำของแพทย์
- ระวังไม่ให้เฝือกเปียกน้ำ โดยใช้ถุงพลาสติกคลุมเฝือกให้มิดชิดก่อนอาบน้ำ
ป้องกันผู้สูงอายุกระดูกหักได้อย่างไร?
กระดูกหักเป็นปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุได้ง่าย สมาชิกในครอบครัวควรดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุหกล้มหรือพลัดตกลงมากระแทกจนกระดูกหัก ดังนี้
- พาผู้สูงอายุเข้ารับการรักษาปัญหาสุขภาพอันเป็นปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงหกล้ม
- พาผู้สูงอายุไปตรวจสุขภาพสายตาอย่างสม่ำเสมอ
- หมั่นพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจความดันโลหิต โรคกระดูกพรุน และตรวจสุขภาพโดยรวม รวมทั้งปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรคที่อาจทำให้เสี่ยงหกล้ม
- ชักชวนให้ออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ แต่ต้องปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้ป่วยก่อน
- ดูแลโภชนาการผู้สูงอายุให้ได้รับวิตามินดีและแคลเซียมอย่างเพียงพอ โดยควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการเลือกวิตามินดีเสริมและแคลเซียมเสริมสำหรับผู้สูงอายุ
- จัดบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
- เพิ่มราวจับบริเวณอ่างอาบน้ำหรือชักโครก เพื่อให้ผู้สูงอายุใช้จับพยุงตัว
- เพิ่มราวกั้นทั้ง 2 ข้างของบันได
- หมั่นตรวจดูไฟตามทางเดินให้ใช้งานได้ปกติและมีแสงสว่างเพียงพอ