“กะรูดุ้ม” เป็นภาษาท้องถิ่นภาคใต้สำเนียงตำบลสะกอม… หนึ่งตำบลที่ตั้งอยู่ทั้งในอำเภอจะนะและอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา “กะรูดุ้ม” ในพื้นถิ่นสะกอมอาจสื่อความแง่ลบ หมายถึงการรวมกลุ่มกันของผู้คนเยอะๆ และเกิดความวุ่นวาย ควบคุมไม่ได้
แต่หากมองอีกด้าน – และเป็นความตั้งใจของกิจกรรมในครั้งนี้ – การรวมกลุ่มผู้คนหลากหลายร่วมกัน เกิดเป็นทั้งความวุ่นวายเหนือจากคาดการณ์ อีกด้านก็เกิดความสนุกสนาน ครื้นเครง เอื้อให้เกิดสถานการณ์ที่ร่วมสร้างสรรค์ เรียนรู้กันและกัน
เราร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ทัวร์ลาต๊ะ’ ในเทศกาลออกแบบปักษ์ใต้ (Pakk Taii Design Week 2025) ช่วงเดือนกันยายน พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา ผ่านธีมงาน ‘กะรูดุ้ม มารุมเล่นเดือนแจ้ง’ ที่ชวนผู้คนมาสัมผัส มารู้จักพื้นที่อำเภอจะนะ หนึ่งในอำเภอชายฝั่งอ่าวไทยของสงขลา ก่อนถึงอำเภอเทพาที่เชื่อมต่อกับจังหวัดปัตตานี
เราอาจรู้จักพื้นที่อำเภอจะนะจากหลากหลายความทรงจำและประสบการณ์ส่วนตัว ทั้งพื้นที่ที่มีความสมบูรณ์ ร่ำรวยทรัพยากรทางทะเล นั่นหมายรวมถึงการเป็นพื้นที่ที่เหล่านักลงทุนในโครงการอุตสาหกรรมหนักสงขลาต่างหมายตา คู่ขนานกับความเข้มแข็งของภาคประชาชนที่เพียรบอกเล่าเรื่องราวชุมชนของตนเอง ไม่ให้เลือนหายไปกับสิ่งที่แอบแฝงมาในนามของ ‘การพัฒนาพื้นที่’
การพูดถึงหรือมีความทรงจำต่อพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง อาจขึ้นอยู่กับการรับรู้ข่าวสาร ผ่านเรื่องราวคำบอกเล่า จนถึงการสัมผัส ทำความรู้จักผู้คน ภาษาสำเนียงในพื้นที่นั้นด้วยตัวเอง พูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา หรือกระทั่งเล่นเกม เตะฟุตบอล เก็บลูกวอลเลย์บอลด้วยกัน
ย่อหน้าต่อไปนี้คือบันทึกความทรงจำในเส้นทางการเดินทางสาย “กะรูดุ้ม”

นั่งรถไฟท้องถิ่น เดินทางสู่อำเภอจะนะ
เรานัดหมายพบกันในช่วงบ่ายของวันที่ 5 กันยายนที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ เพื่อทำความรู้จักผู้ร่วมเดินทางพร้อมฟังคำแนะนำและภาพรวมของการเดินทางครั้งนี้จาก พี่แก๊ส ศุภวรรณ ชนะสงคราม ผู้จัดทัวร์และยังเป็นผู้จัดการ ‘โครงการอาหารปันรัก’ ที่แบ่งปันอาหารทะเลจากทะเลจะนะสู่ครัวเรือนในจังหวัดสงขลา
“ผู้คนมักรู้จักจะนะผ่านข่าวการประท้วง ปกป้องพื้นที่ทรัพยากร แต่เราอยากให้ทุกคนรู้จักหลากหลายมุมของจะนะ” พี่แก๊สกล่าวถึงความในใจหลังเคยผ่านช่วงเวลา ‘เดินขบวน’ จนถึงการเป็นผู้นำ ‘เดินเมืองและชุมชน’
การเดินทางสู่อำเภอจะนะจากอำเภอหาดใหญ่ นอกจากรถยนต์-รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลแล้ว มีเส้นทางรถสองแถวหาดใหญ่-จะนะ จอดที่ปลายทางตลาดตรงแยกนกเขา และ ขบวนรถไฟท้องถิ่นขบวนนี้ที่เรากำลังนั่งอยู่
…ขบวนรถท้องถิ่นชั้น 3 บรรยากาศแบบรถไฟดั้งเดิมที่คงแทบไม่ต่างจากร้อยปีที่ผ่านมา คือมีที่นั่งไม้ยาวสำหรับผู้โดยสาร จัดให้หันหน้าเข้าหากัน
ขึ้นชื่อว่า “รถไฟชั้น 3” มีเพียงอากาศภายนอกที่เวียนเข้ามากับพัดลมเพดานที่ผ่านการใช้งานอย่างหนักหน่วงเป็นตัวช่วยบรรเทาความร้อนอ้าว จากชุมทางหาดใหญ่สู่เป้าหมายของเราที่สถานีรถไฟจะนะ ก่อนรถจะเดินทางไปต่อถึงสถานีโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานีสู่ปลายสายที่อำเภอเมือง จังหวัดยะลา

เมื่อโดยสารรถไฟท้องถิ่นขบวนนี้ราว 40 นาที จากหาดใหญ่ ก็พาเราไปถึงสถานีจุดหมาย ป้ายสถานี “จะนะ” เป็นสัญญาณบอกให้เรารู้ว่าการเดินทางเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ตลาดครูแซ ปากทางชุมชน ศูนย์รวมวัตถุดิบ ขนมพื้นถิ่น
เรายืดเส้นยืดสายกันหลังจากลงรถไฟ พี่แก๊ส ศุภวรรณ ให้โจทย์กับพวกเราหลังจากนี้ว่าให้ ซื้อขนมพื้นบ้านและหาวัตถุดิบเพื่อทำ “น้ำพริก” และตามหา ‘กระเป๋าผ้า’ ลายกะรูดุ้ม
เมื่อฟังอย่างนี้แล้วอาจจินตนาการว่าเราจะหาวัตถุดิบจากส่วนไหนของสถานีรถไฟ… แน่นอนจุดหมายต่อไปจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจาก “ตลาด”
“ตลาดครูแซ” ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่สายหาดใหญ่-ปัตตานี ใช้เวลาเดินทางราว 10 นาทีจากแยกนกเขา อำเภอจะนะ ก่อนถึงคลองสะกอม เราจะพบกับตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่
หากมองจากที่ตั้งในแผนที่ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณปากทาง ก่อนเข้าสู่ชุมชนสะกอมฝั่งที่คลองสะกอมที่ชาวประมงใช้เดินเรือเพื่อออกทะเล กลิ่นแรกที่ลอยเข้าจมูกคือกลิ่นของทั้งปลา หมึก กุ้ง ฯลฯ



สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือขนมพื้นบ้านที่ขายในตลาด ทั้ง ขนมปากหม้อ ขนมปาดา ขนมหัวล้าน ขนมดอกโดน ขนมทองยิ้ม เราเตรียมกล่องข้าวไปทำให้การเดินตลาดครั้งนี้ทั้งหนึ่งปากและสองเท้าของเราทำงานไปด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง


อย่างที่หัวหน้าคณะทัวร์ของเราฝากโจทย์ไว้ว่า ให้แต่ละคนตามหากระเป๋าผ้าที่ทีมงานไปซ่อนไว้ตามจุดในตลาด ถือเป็นการเล่นเกมที่ทำให้เราสังเกตรายละเอียด
เมื่อเดินไปเจอกระเป๋าที่แขวนอยู่ข้างร้านเบอร์เกอร์ที่มีโต๊ะน้ำชา บังที่ตั้งวงคุยกันเอ่ยสัพยอกว่านึกว่าจะให้กระเป๋าพวกเขาเสียแล้ว


ชุมชนสะกอม สองฟากถนนสะท้อนที่มาวัฒนธรรม
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจกันภายในตลาดแล้ว เราเดินทางต่อด้วยเส้นทางภายในชุมชนสะกอม แวะจอดรถที่ริมสะพานคลองสะกอม แวะ ‘เดินเท้า’ เรียนรู้ พูดคุยกับคนในชุมชมตำบลสะกอม ในพื้นที่อำเภอจะนะ
“สะกอม” เป็นชื่อของ 2 ตำบลที่ถูกแบ่งสองด้วยคลองสะกอมให้กลายเป็นตำบลสะกอมของ 2 อำเภอ ก็คือ ต.สะกอม อ.จะนะ และข้ามฝั่งไปอีกฟากคลองสะกอมเป็น ต.สะกอม อ.เทพา จนเป็นเหตุที่ต้องนัดหมายหรือตกลงกันให้ชัดเจนเมื่อมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ‘สะกอม’ ว่าพื้นที่นั้นคือ ‘สะกอม’ ของอำเภอใดกันแน่
เราใช้เวลาสั้นๆ ในพื้นที่หมู่ 1 และ หมู่ 2 ตำบลสะกอม ฝั่งจะนะ ที่หากเราไปยืนกลางถนนแล้วพิจารณาลักษณะบ้านเรือนสองฝั่งก็จะพบว่าฟากหนึ่งเป็นชุมชนชาวจีน ตกแต่งบ้านด้วยเต็งลั้ง (โคมแดง) ขณะที่อีกฟากหนึ่งเป็นชุมชนมุสลิม มีกรงนกแขวนอยู่เรียงราย


และเมื่อมองในด้านชัยภูมิของบ้านเมือง การที่ชุมชนตั้งอยู่ติดทะเลสะกอม-อ่าวไทย รวมถึงคลองสะกอมที่เป็นเส้นทางน้ำก่อนจะเดินทางออกสู่ทะเลและในทางกลับกันคือจากทะเลเข้ามาสู่คลอง ในยุคก่อนที่ถนนและรถยนต์สันดาปจะมาถึง นี่คือเส้นทางการค้าขายทางทะเล ที่นำพาให้ผู้คนและวัฒนธรรมทั้งมลายูและจีนแต่ก่อนเก่า เคลื่อนเข้ามาบรรจบกัน


นอกจากวัฒนธรรม ตึกรามบ้านช่อง วิถีชีวิตแล้ว รูปธรรมอย่างหนึ่งที่มีส่วนจำแนกกลุ่มผู้คนในชีวิตประจำวันของเราคือ ‘ภาษา’ นั่นเอง
ภาษาสะกอม ได้รับอิทธิพลจากทั้งภาษาถิ่นภาคใต้ ภาษาถิ่นกลุ่มตากใบรวมถึงภาษามลายู สะท้อนตามที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ระหว่างเมืองสงขลาและคาบสมุทรสทิงพระที่อยู่ทางตอนบน กับ ปัตตานีและนราธิวาสที่อยู่ทางตอนล่าง
ทำให้ ‘ตะไคร้’ ที่เราซื้อจากตลาดในตัวอำเภอจะนะ กลายเป็น “จะไค้” เมื่อตะไคร้นั้นเดินทางมาถึงสะกอม…


ถึงเวลาของมารุมกันเล่น เดือนแจ้ง
เดินสำรวจกันได้ครู่หนึ่ง ‘ดุหวัน’ ใกล้ตกดินแล้ว เป็นสัญญาณของมื้ออาหารเย็น และ การเล่นเดือนแจ้ง! ไฮไลต์ของกิจกรรมทัวร์กะรูดุ้มในครั้งนี้
หากใครค้นหาคำว่า “หาดสะกอม” แผนที่คงนำเราไปที่หาดสะกอมในพื้นที่ฝั่ง อ.เทพา ซึ่งอยู่ติดถนนเส้นหลัก มองเห็นได้ยามสัญจรไปมา แต่หาดสะกอมที่เรากำลังจะเดินทางไปนั้น อยู่ในฝั่ง อ.จะนะ ในบริเวณ ‘ชุมชนบ้านบ่อโชน’
หลังจากผ่านเส้นทางลัดเลาะถนนหนึ่งเลนจากพื้นที่ชุมชน หาดบ้านบ่อโชนก็เผยตัวให้เราเห็น

หากใครคุ้นเคยกับชายหาดเปิดของจังหวัดสงขลาและพื้นที่อื่นในภาคใต้ เช่น หาดชลาทัศน์-สมิหลา จังหวัดสงขลา หรือทะเลตรังจนถึงหัวหิน สิ่งหนึ่งที่พบความแตกต่างได้จากที่นี่คือลักษณะทรายที่มีเนื้อละเอียด คลื่นลมไม่แรงจนพัดฝุ่นทรายเข้าหน้าหรือพาไอเกลือมาจับจนทำให้เนื้อตัวหนืดเหนียว

‘นิสน’ เตรียมตั้งเตาถ่าน ข้าง ๆ มีปลา หมึก กุ้ง ปู อาหารทะเลจะนะ พร้อมเตรียมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน อีกฝั่งหนึ่ง ยีรอเมาะ กำลังทำ ’ข้าวดอกราย’ เมนูพื้นถิ่นจะนะที่เริ่มต้นที่โขลกตะไคร้ หอมแดง พริกขี้หนูสด กะปิจี่ไฟและมะขามเปียกให้พอแหลก นำข้าวสวยกับเนื้อปลาต้มหรือปลาย่างลงไปเคล้ากับน้ำพริกในครกแล้วกินแนมกับผักสดรอบบ้าน เป็นอาหารพิเศษในมื้อรวมหมู่ยามชุมชนโหยหาการพูดคุยแบ่งปันทุกข์สุขซึ่งกันและกัน


อีกฟากสายตา ‘ปาล์ม’ วิศรุต ดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบกิจกรรมกะรูดุ้มในครั้งนี้ กำลังจุดตะเกียงขวดแก้วเติมแสงสว่างให้กับคณะเยาวชนที่มาร่วมกันเล่นเดือนแจ้งที่หาดบ่อโชน
พี่แก๊ส ศุภวรรณเล่าให้ฟังถึงแนวคิด “การเล่นเดือนแจ้ง” นี้ว่าอยากชวนเยาวชนและชุมชนร่วมกันย้อนไปในยุคก่อนวันที่จะมีไฟฟ้าส่องสว่างช่วงกลางคืน เยาวชนในพื้นที่สะกอมในสมัยนั้นจะอาศัยความสว่างของพระจันทร์ในคืนเดือนหงาย (“เดือนแจ้ง”) มารวมตัวกันเล่นริมหาดทรายในช่วงกลางคืน ทั้งเตะกระป๋อง ปั้นทรายเป็นลูกบอลและชนแข่งกัน หากใครแตกก่อน คนนั้นแพ้


ภาพที่เกิดขึ้นในกิจกรรม “มารุมเล่นเดือนแจ้ง” ในครั้งนี้จึงมีทั้งภาพเตาย่างอาหารทะเลทางด้านซ้าย โต๊ะอาหารที่มีผู้คนรายล้อมด้วยบทสนทนา และ การเล่นดินทราย รวมถึงมีลูกฟุตบอล วอลเลย์บอลมาร่วมแจม เมื่อแหงนมองท้องฟ้า เราก็พบกับ “เดือนแจ้ง” ให้แสงสว่าง…





ราวสามทุ่ม เราเดินทางแยกย้ายกลับอำเภอหาดใหญ่ด้วยรถส่วนตัว เมื่อขับรถตามพี่แก๊สในเส้นทางเดียวกัน ก็วางใจว่าคงไม่มีทางหลง เว้นแต่จะเลี้ยวผิดด้วยตนเอง
เส้นทางสาย “กะรูดุ้ม” ในครั้งนี้ หากเทียบเคียงกับพื้นที่อำเภอจะนะคงไม่แปลกไปมากนัก ท่ามกลางภาพที่ถูกฉายออกสู่สาธารณะและหน้าข่าวว่าเป็นกลุ่มผู้มักรวมตัวแสดงความคิดเห็นที่ทำให้ภาครัฐรู้สึก “ไม่สบายใจ” จากการชุมนุมประท้วง ยืนยันสิทธิของชุมชนและการกำหนดทิศทางนโยบายจากเบื้องล่าง คือ ความเข้มแข็ง ร่วมแรงร่วมใจ ตั้งใจพัฒนาพื้นที่ชุมชนอย่างไม่ปิดกั้น
“สะกอม” แห่งนี้ยังมีอีกหลายเรื่องราวรอให้ค้นหา

เรื่องและภาพ: ธีรภัทร อรุณรัตน์