สถาบันแห่งชาติว่าด้วยการติดยาเสพติดของสหรัฐอเมริกา พบว่า COVID-19 ได้แพร่ระบาดและทำให้มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งพิษภัยจากการสูบในยามปกติจัดว่ารุนแรงต่อสุขภาพในระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้การลดปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลานี้ เพราะมีความเชื่อมโยงระหว่างผู้สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้ากับ COVID-19 ที่สามารถทำลายระบบทางเดินหายใจ และข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคจีน พบข้อสังเกตว่าอัตราการตายของผู้ป่วย COVID-19 ในจีน อยู่ที่ 6.3% สำหรับผู้ที่มีโรคระบบหายใจเรื้อรัง เมื่อเทียบกับ 2.3% ของผู้ป่วย COVID-19 โดยรวมผู้สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นอันตรายต่อเซลล์ของปอดและลดความสามารถในการต่อสู้กับการติดเชื้อ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจาก COVID-19 ทั้งนี้มีงานวิจัยพบว่า ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจาก COVID-19 ในจีน 1 ใน 4 หรือ 25.5% เป็นผู้สูบบุหรี่อีกด้วย
“ไอของบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแพร่กระจาย COVID-19 ได้ เมื่อผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าพ่นไอออกมา เพราะตัวไอของบุหรี่ไฟฟ้า ประกอบด้วยละอองจากระบบทางเดินหายใจ น้ำลาย เสมหะ และแบคทีเรีย เมื่อถูกพ่นออกมาจะลอยเป็นระยะทางไกลและแขวนอยู่ในอากาศ ดังนั้นหากใครเป็น COVID-19 แล้วสูบบุหรี่ไฟฟ้า ก็จะสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้คนจำนวนมากได้”
นพ.ชัย กฤติยาภิชาติกุล คณะกรรมการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าว
ไอของบุหรี่ไฟฟ้า มีสารโลหะหนัก เช่น นิเกิล โครเมียม ที่มีพิษต่อปอด แคดเมียมที่มีพิษต่อไต และสารก่อมะเร็ง เช่น เบนซีน อะเซตตัลดีไฮด์ และบุหรี่ไฟฟ้ายังมีการปลดปล่อยอนุภาคขนาดเล็ก PM 2.5 ที่แทรกซึมเข้าร่างกาย เป็นการสะสมพิษไปก่ออันตรายในอวัยวะต่างๆ ได้ทั่วร่างกาย
จึงขอแนะนำให้เลิกบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อป้องกันการเกิดโรคที่มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจาก COVID-19 ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตอีกด้วย