นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยใหม่ลดลง เรียกได้ว่าสถานการณ์ผ่อนคลายลง แต่ยังวางใจใช้ชีวิตปกติไม่ได้ ต้องดูแลอย่างเข้มข้นเหมือนเดิม การตรวจหาผู้ป่วยและการป้องกันตนเองเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากหลายๆประเทศที่มีมาตรการผ่อนปรนแล้ว ก็เกิดการระบาดระลอก 2 ขึ้น ดังนั้นการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและระมัดระวังมากที่สุด หากทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติอย่างดีต่อเนื่องไปอีก 14 วัน คาดว่ายอดผู้ป่วยจะลดน้อยลงต่อไปอีก และเมื่อถึงเวลานั้นจึงจะบอกได้ว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้วหรือไม่ แต่ในวันนี้หากลดการป้องกันตนเอง ยอดผู้ป่วยก็มีโอกาสพุ่งสูงได้อีกครั้ง
ด้านองค์การอนามัยโลก (องค์การอนามัยโลกประเทศไทย, 2563) ได้ให้คำแนะนำประชาชนถึงวิธีการสวมหน้ากากที่ถูกวิธี ดังนี้
1. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดทุกครั้งก่อนสวมหน้ากาก
2. สวมหน้ากากให้ครอบปิดทั้งปากและจมูกและให้หน้ากากแนบสนิทใบหน้า โดยให้มีช่องว่างน้อยที่สุด
3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้ากากขณะสวมอยู่
4. ถอดหน้ากากให้เหมาะสม โดยไม่สัมผัสด้านหน้าของหน้ากาก แต่ควรถอดจากด้านหลัง
5. หลังจากถอดหน้ากากหรือเมื่อสัมผัสหน้ากากที่ใช้แล้วโดยบังเอิญ ให้ทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือใช้สบู่และน้ำหากมือมีคราบสกปรกที่เห็นได้ชัด
6. เปลี่ยนหน้ากากทันทีเมื่อเปียกชื้น และใช้หน้ากากอันใหม่ที่สะอาดและแห้งแทน
7. เปลี่ยนหน้ากากทุกวันและซักทำความสะอาดทุกครั้ง
“ การรักษาระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 2 เมตร จึงยังคงเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการล้างมือและสวมใส่หน้ากากอย่างถูกวิธี เพราะหากเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 ขึ้นมา สิ่งที่ทำไว้ก่อนหน้านี้จะเสียเปล่าไปทันที ”
อย่างที่ทราบกันดีว่าโรคโควิด – 19 สามารถติดต่อกันได้ผ่านละอองที่ออกมากับลมหายใจ (respiratory droplet) ซึ่งมีขนาดประมาณ 5-10 ไมโครมิเตอร์ (WHO, 2020) หรือสัมผัสสารคัดหลั่ง แต่ก็ยังไม่มีผลการศึกษาที่ยืนยันว่าฝอยละอองน้ำลายขนาดเล็กจิ๋วปริมาณเท่าใดที่จะสามารถแพร่เชื้อโรคไวรัสโควิด – 19 ได้