บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก กับกลยุทธ์ด้านการตลาด

แค่ไหนอย่างไรถึงเป็นบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก? ไม่ใช่แค่ย่อยสลายได้เท่านั้น แต่แพคเกจจิ้งรักษ์โลกต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการผลิต ตลอดอายุขัยของมัน และในกระบวนการรีไซเคิลอีกด้วย ซึ่งพิจารณาได้ดังนี้

คุ้มค่า ปลอดภัย ดีต่อสุขภาพ ตลอดอายุการใช้งาน   2 ราคา และ คุณภาพ สามารถแข่งขันได้ 3 ผลิต ขนส่ง จัดเก็บ และ รีไซเคิลด้วยพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ 4 ให้ความสำคัญกับวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรือรีไซเคิลได้ อย่างกระดาษมากกว่าพลาสติก 5 ต้นแบบที่ดีที่สุดในการผลิตอย่างสะอาดถูกนำมาใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ 6 วัสดุมีความปลอดภัยต่อสุขภาพตลอดอายุการใช้งาน  7 ออกแบบให้ประหยัดพลังงาน และใช้วัสดุที่เหมาะสม 8 ผลิตตามหลักการนำกลับมาใช้ใหม่ จึงสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ หรือ รีไซเคิลได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แล้วระหว่าง บรรจุภัณฑ์ธรรมชาติ VS บรรจุภัณฑ์พลาสติก ทางเลือกใหม่ในเรื่องของบรรจุภัณฑ์ คือ บรรจุภัณฑ์ธรรมชาติ ที่เป็นนวัตกรรมสุดสร้างสรรค์ ในการช่วยแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมประเภทขยะที่ย่อยสลายได้ยาก และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้หากผู้ประกอบการหันมาเลือกใช้  บรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติ  ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ก็เท่ากับช่วยให้ปัญหาเรื่องขยะในบ้านเราลดลงได้อย่างดี ซึ่งปัจจุบัน เรามีบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายประเภท เช่น บรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติ บรรจุภัณฑ์พลาสติก หรือบรรจุภัณฑ์โลหะ ที่ผลิตขึ้นมาตามการใช้งานของแต่ละบรรจุภัณฑ์ เพื่อการบรรจุสินค้า และเพื่อการขนส่งจากแหล่งผลิตหรือจำหน่ายไปยังผู้บริโภค ช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการชนส่ง ซึ่งแต่ละบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ ยังถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทำให้สินค้ามีคุณค่าและมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นได้ นอกจากบรรจุภัณฑ์ธรรมชาติ ยังมีบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ อีกเช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติก ที่เป็นทางเลือกใหม่ในการนำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ สำหรับบรรจุสิ่งของ บรรจุอาหาร ซึ่ง บรรจุภัณฑ์พลาสติก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ พลาสติกคงรูป และ พลาสติกอ่อนตัว มีการใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ขวดพลาสติก ถ้วยและถาดพลาสติก และมีประโยชน์ได้เอนกประสงค์สามารถบรรจุ อาหารแช่แข็ง อาหารร้อน อาหารสด ได้อีก

การไม่ก่อให้เกิดมลพิษกับโลก ด้วยบรรจุภัณฑ์ เช่น แก้ว ชาม กล่องกระดาษ แบบนี้ย่อยสลายเร็วกว่าบรรจุภัณฑ์มาก ใช้เวลาในการย่อยสลายแค่ 45 วันเท่านั้น ถ้าเทียบกับพลาสติกที่เราใช้กันอยู่ใช้เวลาการย่อยกว่าพันปีเลย ด้วยสาเหตุนี้บรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติจึงไม่ก่อให้เกิดมลพิษกับโลก และ ปลอดภัยไร้สารพิษ เนื่องจากผู้ประกอบการสมัยใหม่ ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงได้หันมาทำบรรจุภัณฑ์ทางเลือกใหม่ โดยนำวัสดุที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ธรรมชาติ ด้วยการหยิบต้นพืชที่จะถูกทิ้งมาล้างทำความสะอาด ผ่านกรรมฆ่าเชื้อและทำรูปใหม่จนเป็นภาชนะที่เราใช้กันได้อย่างปลอดภัย ไร้สารพิษ เพราะส่วนประกอบหลักที่นำมาทำเป็นบรรจุภัณฑ์ล้วนแต่มาจากธรรมชาติ เช่น เยื่อไผ่ เยื่อยูคาบลิปตัส ชานอ้อย ซึ่งต้นพืชเหล่านี้กำลังจะถูกทิ้งเป็นขยะด้วยซ้ำ จึงเป็นการดีและมีประโยชน์กว่าหากนำต้นพืชเหล่านี้มาทำเป็นบรรจุภัณฑ์ทางเลือก และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ด้วยบรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่นกล่องกระดาษ ถุงกระดาษรักษ์โลก เมื่อใช้แล้วยังสามารถนำไปเข้ากระบวนการแปรรูปหรือรีไซเคิลเป็นบรรจุภัณฑ์รูปแบบอื่น ๆ นำกลับมาใช้ได้ใหม่

เพิ่มจุดขาย จุดต่างของสินค้า ปัจจุบันผู้บริโภคต่างก็ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องของบรรจุภัณฑ์ ผู้บริโภคจึงหันมาใช้บรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้งดงามมากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการใดที่นำวัสดุที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ธรรมชาตินำมาบรรจุอาหาร บรรจุสิ่งของ ผู้บริโภคเองก็จะตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นว่าจะเลือกซื้อกับผู้ประกอบการรายนี้หรือไม่ อีกทั้งเป็นการเพิ่มจุดต่างของสินค้าให้มีเอกลักษณ์และมีความโดดเด่นให้มากขึ้นช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น จากการที่วัสดุที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ธรรมชาติ มาจากพืชที่ใช้งานหมดประโยชน์ซึ่งจะถูกนำไปทิ้งให้เปล่าประโยชน์ แต่ถ้ามีผู้ประกอบการทำบรรจุภัณฑ์ทางเลือกมาเก็บไปทำ แก้วน้ำ จาน ชาม เกษตรกรของเราถือว่าได้ปลูกพืชที่ไว้ทั้งกินและใช้ ก็จะช่วยหารายได้เพิ่มเติมจากการขายพืชเหล่านี้ได้อีกด้วย หากมีความต้องการมากขึ้น เกษตรก็จะขายได้มากขึ้นมีรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่คุณผู้ฟังจะทราบมั้ยว่ามันก็มีข้อเสียของบรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติด้วยนะคะ

ซึ่งบรรจุภัณฑ์กระดาษเนี่ยเค้าจะไม่สามารถดูดซึมน้ำได้ดีเท่ากล่องโฟมหรือพลาสติก ซึ่งถือว่ามีข้อด้อยเมื่อเปรียบเทียบกับบรรจุภัณฑ์ชนิดอื่น กล่องกระดาษ บรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร และเครื่องดื่มที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ  อาจมีราคาสูงกว่ากล่องอาหารจากโฟม หรือพลาสติก แต่บรรจุภัณฑ์พลาสติก จึงเป็นทางเลือกใหม่ในการนำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ สำหรับบรรจุสิ่งของ บรรจุอาหาร ซึ่งรายละเอียดของผลิตภัณฑ์พลาสติกแต่ละชนิดมีด้วยกัน 7 ชนิด ได้แก่พลาสติกโพลีเอทิลีนเทอพาทาเลท, พลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง, พลาสติกโพลีไวนิลคลอไรด์, พลาสติกโพลีเอทิลีน ชนิดความหนาแน่นต่ำ  พลาสติกโพลีโพรพิลีน, พลาสติกโพลีสไตรีน และ พลาสติกชนิดอื่น ๆ เช่น โพลีคาร์บอเนต  ซึ่งพลาสติกเกือบทุกชนิด ก่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม อย่างมาก !! เนื่องจากกระบวนการผลิตมีการปล่อยสารพิษเข้าไปในอากาศและน้ำทำให้เกิดภาวะมลพิษ หรือ การนำพลาสติกมารีไซเคิลก็จะมีคุณภาพด้อยลง ดังนั้นจึงมี่สามารถนำกลับมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เดิมได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *