เหตุการณ์ ‘โรงงานโฟมระเบิด’ ที่ ‘กิ่งแก้ว21’ สมุทรปราการ นอกจากผู้บาดเจ็บจำนวนมากแล้ว ยังมีความกังวลต่อ ‘สารสไตรีนโมโนเมอร์’ ที่รั่วไหลออกมา ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและถึงแก่ชีวิตได้
จากเหตุโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ‘กิ่งแก้ว21’ ระเบิด เป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นการระเบิดของถังบรรจุเคมีขนาดใหญ่ ส่งผลให้ไฟลุกท่วมเจ็บนับสิบ เพลิงไหม้วอด ขณะเดียวกัน แรงระเบิดทำให้บ้านเรือนเสียหายเป็นวงกว้าง กรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย สั่งประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงโรงงานดังกล่าวในรัศมี 5 กิโลเมตร อพยพด่วน เนื่องจากยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ และหวั่นไฟลามไปติดถังสารเคมี 20,000 ลิตร ที่อยู่ใกล้เคียง ทั้งนี้ยังมีความกังวลเรื่อง ‘สารสไตรีนโมโนเมอร์’ เป็นสารตั้งต้นถังเก็บถูกไฟไหม้และระเบิด กระจายออกไปโดยรอบถึง 10 กิโลเมตร
- สารสไตรีนโมโนเมอร์ คืออะไร
นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้ให้ความรู้ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว Sonthi Kotchawat โดยระบุถึงเหตุการ ‘โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้’ และสารสไตรีนโมโนเมอร์ ว่า สารสไตรีนโมโนเมอร์ เป็นของเหลวใสและข้นเหนียว สูตรทางเคมี C8H8 , CAS #. 100-42-5 น้ำหนักโมเลกุล 104.16 ถ้าสารมีอุณหภูมิ 31°C (88°F) ขึ้นไป จะติดไฟและกลายเป็นสารอินทรีย์ระเหยง่าย หากถูกเผาไหม้จะกลายเป็นก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์(CO) จำนวนมากอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
- การใช้งาน
1. ใช้ในการผลิตยางสังเคราะห์ และพลาสติก เรซิน สี ฉนวนที่เป็นโฟม2. ใช้ผลิตพลาสติกกับสารอื่น เช่น Acrylonitrile- butadiene- styrene plastics3. ใช้ทำกระเป๋าแบบแข็ง Acrylonitrile- styrene plastics4. ใช้ในชิ้นส่วนรถยนต์และของใช้ในบ้านและบรรจุภัณฑ์
- ผลต่อสุขภาพ
- เป็นสารระเหย แม้อยู่ในน้ำหรือดิน การปนเปื้อนในดินอาจนำไปสู่น้ำใต้ดินเพราะสารนี้ไม่ค่อยจับตัวกับดิน
- ถ้าหายใจเข้าไป จะเกิดการระคายระบบทางเดินหายใจ และคอ ปวดศีรษะ มึนงง อ่อนเพลีย คลื่นไส้ และมึนเมา
- ถ้าได้รับสารปริมาณสูง จะชักและเสียชีวิตได้
- การหายใจเข้าไปในระยะนานๆ แม้ว่าความเข้มข้นต่ำจะทำให้อาจมีอาการทางสายตา การได้ยินเสื่อมลง และการตอบสนองช้าลง
- ส่วนผลในระยะยาวนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด ถ้าเข้าตา จะเคืองตา
- ถ้าถูกผิวหนัง จะรู้สึกระคายผิว ถ้าสารซึมเข้าผิวหนังจะมีอาการเหมือนหายใจเข้าไป ทำให้ผิวแดง แห้ง แตก
- หลักการปฐมพยาบาล
1. ผู้ที่ได้รับอันตรายจากสารเคมีที่ผิวหนัง ให้ล้างผิวหนังบริเวณที่ถูกสารเคมีโดยใช้น้ำสะอาดล้างให้มากที่สุด เพื่อให้เจือจาง ถ้าสารเคมีเป็นกรดให้รีบถอดเสื้อผ้าออกก่อน
2. ผู้ที่ได้รับอันตรายจากสารเคมีที่ตา ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที โดยเปิดเปลือกตาขึ้นให้ไหลผ่านตาอย่างน้อย 15 นาที ป้ายขี้ผึ้งป้ายตา แล้วรีบนำส่งแพทย์โดยเร็ว
3. ผู้ที่ได้รับอันตรายจากสารเคมีในการสูดดม ให้ย้ายผู้ที่ได้รับสารไปที่อากาศบริสุทธิ์ ประเมินการหายใจ และการเต้นของหัวใจ ถ้าไม่มีให้ทำการ CPR
- กรณีเกิดเพลิงไหม้
กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ระบุใน คู่มือการจัดการสารเคมีอันตรายสูง ทั้งกรณีเพลิงไหม้เล็กน้อย และกรณีเพลิงไหม้รุนแรง ดังนี้
กรณีเพลิงไหม้เล็กน้อย
ใช้ผงเคมีแห้ง คาร์บอนไดออกไซด์ โฟม (Regular foam) หรือฉีดน้ำเป็นฝอย
กรณีเพลิงไหม้รุนแรง
1. ใช้ผงเคมีแห้ง คาร์บอนไดออกไซด์ หรือโฟมดับเพลิง และให้ฉีดน้ำเป็นฝอยเพื่อหล่อเย็นให้กับถังเก็บ
2. ห้ามใช้น้ำฉีดไปยังบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้โดยตรง เพราะจะทำให้เกิดการกระจายตัวของเพลิงมากขึ้น
3. หากกระทำได้ให้เคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุที่ยังไม่เสียหายออกจากบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้
4. ให้รายงานแจ้งเหตุ และปฏิบัติตามแผนตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
5. แจ้งเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้ไปยังโรงงานข้างเคียง เพื่อป้องกันเหตุหรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเพลิงไหม้
6. ในกรณีที่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ให้ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เป็นต้น เพื่อขอความช่วยเหลือในการควบคุมสถานการณ์
ขอบคุณข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจ