พบผู้ป่วยเข้าข่ายโรค”ไข้กาฬหลังแอ่น”ที่ อ.คลองท่อม กระบี่ คนเสียชีวิต 1 คน รอยืนยันผลตรวจทางห้องปฎิบัติการ

พบผู้ป่วยเข้าข่ายโรค”ไข้กาฬหลังแอ่น”ที่ อ.คลองท่อม กระบี่ คนเสียชีวิต 1 คน รอยืนยันผลตรวจทางห้องปฎิบัติการ

โรคไข้กาฬหลังแอ่น มีชื่อทางการแพทย์ว่า Meningococcemia (การติดเชื้อไข้กาฬหลังแอ่นในเลือด) หรือ Meningococcal meningitis (เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไข้กาฬหลังแอ่น) เป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อ การระบาดในวงจำกัด (cluster of cases) กล่าวคือ เกิดการติดต่อกันในหมู่ประชาชนจำนวนหนึ่ง ในชุมชนเดียวกัน โดยจะเกิดกับผู้สัมผัสโรค เช่น อาศัยในหอ พัก ห้องเรียน ในบ้านเดียวกันกับผู้ป่วยแบคทีเรีย Neisseria meningitides ซึ่งเป็นเชื้อกรัมลบรูปทรงกลมจำพวกเดียวกับเชื้อหนองในแท้ หรือ Neisseria gonorrheae แต่ไม่ทำให้เกิดกามโรคและมีความรุนแรงในการก่อโรค

นพ.สมบูรณ์ บุญกิตติชัยพันธ์ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.กระบี่ เปิดเผยว่า กรณีที่พบผู้ต้องสงสัยไข้กาฬหลังแอ่น ในโรงเรียนปอเนาะแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมาจากการสอบสวนโรคพบผู้ติดเชื้อเข้าข่าย จำนวน 6 ราย เสียชีวิต 1 ราย อีก 5 ราย อยู่ในระยะปลอดภัย

ผู้ป่วยทั้ง 6 รายยังไม่ยืนยันว่าเป็นไข้กาฬหลังแอ่น อยู่ระหว่างเพาะเชื้อและรอผลตรวจทางห้องแล็บ สำหรับในการสอบสวนโรค ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ได้ลงพื้นที่สอบสวนโรคอย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาผู้ใกล้ชิดและต้องสงสัยป่วยด้วยโรคไข้กาฬหลังแอ่น เบื้องต้นยังไม่พบผู้ป่วยเข้าข่ายเพิ่ม ขณะนี้ทางอำเภอคลองท่อมได้ออกประกาศให้พื้นที่โรงเรียนปอเนาะดังกล่าว เป็นพื้นที่ห้ามบุคคลภายนอกเข้าหรือออก

สำหรับโรงเรียนปอเนาะดังกล่าวมีนักเรียนทั้งหมด 436 คน เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจหาเชื้อบริเวณลำคอ และให้ยาฆ่าเชื้อในการป้องกันโรคทั้งหมด พร้อมให้คำแนะนำในการป้องกันโรคให้กับโรงเรียน ทั้งการให้สวมหน้ากากอนามัย ความสะอาด และลดความแออัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมโรคไว้ได้แล้ว เนื่องจากเป็นสถานที่ปิด พร้อมกับให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว สำหรับโรคนี้ไม่พบบ่อย แต่หากว่าติดเชื้อก็อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ และขอฝากไปยังทุกคนที่มีอาการเจ็บป่วย ไอจาม หากรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์

จากข้อมูลโรคไข้กาฬหลังแอ่น จาก ผศ.นพ. ยงค์   รงค์รุ่งเรือง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จาก www.si.mahidol.ac.th ว่า เชื้อโรคไข้กาฬหลังแอ่น สามารถพบอยู่ในลำคอของคนปกติส่วนน้อยได้ โดยไม่เกิดโรคขึ้น เรียกว่า การเป็นพาหะของเชื้อ เชื้อสามารถถ่ายทอดได้โดยทางเดินหายใจ ผ่านการไอ, จาม, เสมหะ น้ำมูก น้ำลายไปสู่ผู้ใกล้ชิด ผู้ที่มีปัจจัยภายในตนเองผิดปกติบางอย่าง เช่น ร่างกายไม่สร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคนี้ หรือ เชื้อสามารถเล็ดลอดเข้าสูกระแสโลหิต หรือระบบประสาทส่วนกลางได้ จึงก่อให้เกิดโรคขึ้น

โรคไข้กาฬหลังแอ่นมีลักษณะที่สำคัญ 3 อย่าง คือ1. ไข้ 2. ผื่น 3. เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

อาการที่พบบ่อย คือ ผู้ป่วยมักจะมีไข้มาก่อนประมาณ 2-3 วัน มีผื่นขึ้น ลักษณะเป็นจ้ำเลือดเหมือนฟกช้ำ ผื่นอาจมีรูปร่างคล้ายดาวกระจายซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ มักเป็นบริเวณลำตัวส่วนล่าง, ขา, เท้า และบริเวณที่มีแรงกดบ่อยๆ เช่น ขอบกางเกง, ขอบถุงเท้า อาจเป็นที่เยื่อบุตา, หรือ มือได้ หากมีเยื่อหุ้มสมองอักเสบ จะมีอาการได้แก่ ปวดศีรษะรุนแรง, อาเจียน, คอแข็ง อาจซึมลง ไม่ค่อยรู้สึกตัว หรือสับสนได้ ไม่ค่อยมีชักหรืออัมพาตบ่อยเท่าเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียอื่น อัตราการเสียชีวิตขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค

        ในรายที่รุนแรง เช่น ในกรณีการติดเชื้อในกระแสเลือด มีภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ การไหลเวียนเลือดล้มเหลว  ความดันเลือดต่ำ ปลายนิ้วมือนิ้วเท้าเขียวหรือดำคล้ำ ไตวาย น้ำท่วมปอด ร่วมด้วย มักเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว อัตราตายสูงถึงร้อยละ  70-80 ของผู้ป่วยทั้งหมด ส่วนในรายที่มีเยื่อหุ้มสมองอักเสบโดยไม่มีการติดเชื้อในเลือด อัตราตายต่ำกว่ามาก ประมาณร้อยละ 2-10 ของผู้ป่วยทั้งหมด การรักษาที่ถูกต้องอย่างทันท่วงทีมีส่วนช่วยลดอัตราการตายลงได้ส่วนหนึ่ง

       หากเด็กหรือหนุ่มสาว ผู้ใหญ่อายุน้อย ที่มีอาการของไข้เฉียบพลัน มีผื่นที่เป็นจ้ำเลือดคล้ายรูปดาวกระจาย หรือมีอาการของเยื่อหุ้มสมองอักเสบข้างต้น จะต้องนึกถึงโรคไข้กาฬหลังแอ่นไว้ด้วยเสมอ ควรไปรับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ในโรงพยาบาลใกล้บ้านโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ หากล่าช้าเกินไป ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ แพทย์จะทำการสอบถามประวัติความเจ็บป่วย ตรวจร่างกายผู้ป่วย ควรแจ้งแก่แพทย์ด้วยว่า ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวใดหรือไม่ แพ้ยาใดหรือไม่ เนื่องจากแพทย์จะต้องพิจารณาให้ยาต้านจุลชีพโดยเร็ว แพทย์จะทำการเพาะเชื้อในเลือด ในบางรายอาจตรวจน้ำไขสันหลัง จากนั้นจะเริ่มให้ยาต้านจุลชีพชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ยาที่มักจะเลือกใช้ คือ ยา กลุ่ม penicillin หรือ cephalosporins ร่วมกับการรักษาประคับประคอง เช่น ให้น้ำเกลือแก้ไขภาวะขาดน้ำเกลือแร่ กรดด่างไม่สมดุล

               การป้องกันโรคมี 2 วิธีหลัก คือ

                      1. การฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรค

                      2. การกินหรือฉีดยาต้านจุลชีพ

       1. การฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรค

วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่นป้องกันโรคได้เพียงบางสายพันธุ์  ได้แก่ สายพันธุ์ A, C, Yและ W-135 ดังนั้น การให้วัคซีนจะได้ผลในบางพื้นที่ที่ทราบสายพันธุ์ (serogroup) ของเชื้อแล้วเท่านั้น ในกรณีให้วัคซีนไม่ครอบคลุมสายพันธุ์ก่อโรคจะไม่ได้ผลในการสร้างภูมิคุ้มกัน ในประเทศไทย สายพันธุ์ที่พบบ่อย ได้แก่ สายพันธุ์ A และ B การฉีดวัคซีนจึงมีที่ใช้ในกรณีที่คนที่จะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคเป็นประจำ หรือ ให้วัคซีนแก่ประชาชนที่อยู่เขตระบาดซึ่งทราบสายพันธุ์ของเชื้อแล้ว ประชาชนทั่วไปไม่จำเป็นต้องรับการป้องกัน นอกจากจะเดินทางเข้าไปในเขตที่มีการระบาดเป็นประจำ เช่น เช่น ประเทศแถบทะเลทรายซาฮาราในทวีปอาฟริกา ประเทศในตะวันออกกลาง ผู้ที่จะเดินทางเข้าไปในเขตดังกล่าว ดังเช่นชาวไทยมุสลิมผู้ไปแสวงบุญ ณ.นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องโรคไข้กาฬหลังแอ่นก่อนการเดินทาง โดยติดต่อขอรับวัคซีนในกรุงเทพมหานครได้ที่กองควบคุมโรค สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร, สภากาชาดไทย, ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ, สำนักโรคติดต่อทั่วไป กระทรวงสาธารณสุข, สถาบันบำราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี ในเขตภูมิภาครับได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ หรือด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก website ของหน่วยงานต่างๆข้างต้น

       2. การกินหรือฉีดยาต้านจุลชีพ

ใช้ป้องกันการเกิดโรคในกรณีภายหลังการสัมผัสโรค ยาต้านจุลชีพมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคโดยไม่ขึ้นกับสายพันธุ์ของเชื้อ แตกต่างจากวัคซีนข้างต้น ผู้ที่สมควรได้รับยาเพื่อป้องกันการเกิดโรคไข้กาฬหลังแอ่น ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสโรคใกล้ชิดผู้ป่วยเป็นเวลานาน เช่น สมาชิกในครัวเรือนเดียวกัน ร่วมห้องนอนเดียวกัน เด็กที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็ก, ห้องเรียนเดียวกับผู้ป่วย ทหารในค่ายเดียวกัน และผู้สัมผัสผู้ป่วยใกล้ชิดในชุมชน ดังนั้น ผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดข้างต้นควรแจ้งแก่แพทย์โดยเร็ว แพทย์จะสามารถให้คำปรึกษาแนะนำได้ว่า ผู้สัมผัสโรคสมควรได้รับยาต้านจุลชีพป้องกันหรือไม่ รวมทั้งให้ชนิดใด ในรูปกินหรือฉีด ในกรณีทั่วไป ยาต้านจุลชีพป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นได้ผลดี

ดังนั้น ผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดข้างต้นควรแจ้งแก่แพทย์โดยเร็ว แพทย์จะสามารถให้คำปรึกษาแนะนำได้ว่า ผู้สัมผัสโรคสมควรได้รับยาต้านจุลชีพป้องกันหรือไม่ รวมทั้งให้ชนิดใด ในรูปกินหรือฉีด ในกรณีทั่วไป ยาต้านจุลชีพป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นได้ผลดี

ที่มา : พบอาการคล้าย “ไข้กาฬหลังแอ่น” ระบาดกระบี่ ติดเชื้อ 6 ตาย 1 | Thai PBS News ข่าวไทยพีบีเอส

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *