กฎหมายกับบทบาทเพื่อสิทธิเท่าเทียมของผู้มีความหลากหลายทางเพศ

“ที่ใดมีมนุษย์ ที่นั้นมีสังคม ที่ใดมีสังคม ที่นั้นมีกฎหมาย” กฎหมาย คือกฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในสังคม เมื่อพูดถึงกฎหมาย หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องเข้าใจยาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากฎหมายอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน กฎหมายอยู่กับเราตั้งแต่การแจ้งเกิดไปจนกระทั่งการแจ้งตาย แม้สิ่งเล็กน้อยที่เราอาจมองข้าม เพราะสังคมต้องอาศัยกฎหมายช่วยทำหน้าที่หลากหลายประการ  ทั้งกำกับวิถีชีวิตและกิจกรรมของคนในสังคม เป็นกติกาคุ้มครอง ป้องกัน ให้สมาชิกในสังคมอยู่กันอย่างสงบสุข

เมื่อกฎหมายมีหน้าที่กำกับดูแลกิจกรรมของคนในสังคมให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย สงบสุข และจัดการความขัดแย้ง  กฎหมายจึงควรมีลักษณะสำคัญประการหนึ่งคือ เท่าทันต่อสถานการณ์  เพราะสภาพสังคมและเศรษฐกิจย่อมไม่หยุดอยู่นิ่ง หากแต่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย  กฎหมายจึงควรปรับเปลี่ยนเช่นกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม

เช่นเดียวกับเรื่อง “เพศสภาพ” และ “สิทธิประโยชน์” หนึ่งในความต้องการของคนในทุกสังคม โดยปัจจุบันผู้มีความหลากหลายทางเพศสามารถเปิดเผยตัวได้เป็นการทั่วไป เราไม่ถือว่าพฤติกรรมการแสดงออกถึงความหลากหลายทางเพศนั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย  ในระยะหลังมานี้ เรื่องราวของผู้มีความหลากหลายทางเพศได้รับการนำเสนออย่างชัดเจนขึ้น

โดยในเดือนมิถุนายน มีหนึ่งเทศกาลเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในทุกๆปี หลายๆคนจะคุ้นหูกับคำว่า “Pride Month” มากขึ้น และมีการจัดงาน Pride March ในแต่ล่ะพื้นที่ แสดงให้เห็นว่าคนจำนวนไม่น้อยมีความเข้าใจถึงการมีอยู่ของอัตลักษณ์ทางเพศ ที่มากกว่าชายและหญิง ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ปรากฏการณ์เหล่านี้ สร้างแรงกดดันและประเด็นคำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยควรมีกฎหมายรับรองสิทธิในการมีความสัมพันธ์กันแบบครอบครัวของผู้มีความหลากหลายทางเพศ  และห้ามการเลือกปฏิบัติทางเพศที่ชัดเจน

ปัจจุบันในประเทศไทยอาจจะยังไม่มีคำตอบที่ดีที่สุด เพราะการตั้งคำถามเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมและการทำความเข้าใจผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พยายามมองให้เข้าใจถึงที่มาของทางเลือกต่างๆ  ด้วยกระบวนการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมุ่งตอบโจทย์ของทุกคนในสังคม ภารกิจนี้เป็นเรื่องท้าทายที่สุด เพราะทุกโจทย์ของสังคมไม่มีคำตอบสำเร็จรูป  แต่หากวันนี้เราไม่เริ่มหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุยสนทนา ไม่พยายามหาคำตอบที่ทุกฝ่ายยอมรับได้พอจะเริ่มก้าวไปข้างหน้า หรือหากเราเลือกปิดใจไม่รับรู้ถึงปัญหา ก็เท่ากับว่าเรากำลังปล่อยเวลาให้ล่วงเลยเสียเปล่าไปโดยไม่ได้อะไรเลย

ตอนนี้ถือเป็นห้วงเวลาแห่งความหวัง ที่ทุกคนต่างเฝ้ารอการเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้าน โดยเฉพาะในด้านกฎหมาย ที่เป็นปัจจัยสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างปกติสุขและสมบูรณ์แบบมากที่สุด และเรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางเพศไม่ได้สะท้อนแค่การยอมรับกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ แต่เป็นการตอกย้ำเรื่องสิทธิมนุษยชนในทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งทุกคนควรได้รู้สึกภูมิใจในตัวตนและคนที่รัก และมีสิทธิที่จะแสดงออกอย่างเสรี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *