โพงพางคืออะไร ทางออกที่ยั่งยืนของเครื่องมือประมงพื้นบ้านชนิดนี้ควรเป็นอย่างไร ?

จากกรณีเหตุการณ์รื้อถอน ‘โพงพาง’ เครื่องมือประมงดักจับสัตว์น้ำบริเวณทะเลสาบสงขลาและพื้นที่ชายฝั่งตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 และเกิดกระแสความไม่พอใจของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งชวนให้ตั้งคำถามถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน 

‘PSU Broadcast’ ชวนย้อนฟังบทสัมภาษณ์กับ ‘ดร.เอกนรินทร์ รอดเจริญ’ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวาริชศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ถึงข้อมูลเบื้องต้นของเครื่องมือประมงที่ชื่อ ‘โพงพาง’ ข้อดี-ข้อเสียจากมุมมองผลประโยชน์ธุรกิจประมงและนิเวศวิทยา รวมถึงทางออกที่ยั่งยืนควรเป็นอย่างไร?

‘โพงพาง’ คืออะไร?

ดร.เอกนรินทร์ กล่าวว่า โพงพาง คือเครื่องมือประมงประเภทหนึ่งที่มีความยาวราว 20-25 เมตร ทำด้วยอวนหรือตาข่าย ด้านหนึ่งเป็นด้านปากเพื่อให้ปลาหรือสัตว์น้ำว่ายเข้าไป และมีด้านท้ายที่มีเชือกผูกเอาไว้ 

เมื่อนำด้านปากไปวางไว้บริเวณที่มีกระแสน้ำหรือเป็นทางเดินของสัตว์น้ำ เมื่อนำโพงพางขึ้นจะแกะเชือกด้านท้ายและนำสัตว์น้ำที่ดักไว้ขึ้นมา 

ในเชิงปริมาณ โพงพางถือเป็นเครื่องมือประมงพื้นบ้านที่ไม่มีความซับซ้อนและจับสัตว์น้ำได้ในปริมาณมาก แต่การจับได้ในปริมาณมากนั้นจะไม่แยกประเภทสัตว์น้ำ ทั้งปลา ปู หมึก กุ้ง ฯลฯ รวมถึงสัตว์น้ำวัยอ่อน สัตว์น้ำวัยเจริญพันธุ์ ขึ้นอยู่กับขนาดของตาข่าย 

อาจารย์สาขาวิชาวาริชศาสตร์มองว่าการจับสัตว์น้ำลักษณะนี้ถือว่าเป็นการทำประมงเกินขนาด (overfishing) จะส่งผลให้สัตว์น้ำมีปริมาณลดลงอย่างรวดเร็ว

ผลกระทบทางอ้อมของการวางโพงพางในบริเวณพื้นที่ทางไหลของน้ำหรือปากทะเลสาบโดยเฉพาะทะเลสาบสงขลาที่มีระบบนิเวศแบบ ‘ลากูน’ ที่มีการไหลออกของน้ำทะเลอยู่ตลอดนั้น ดร.เอกนรินทร์มองว่าจะส่งผลให้ปิดกั้นและชะลอการไหลของน้ำ ส่งผลให้ท้องน้ำมีการตื้นเขินได้ ซึ่งจะเชื่อมโยงถึงสัตว์หน้าดินที่เป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติของสัตว์น้ำเศรษฐกิจของทะเลสาบสงขลา เหล่านี้จะเชื่อมโยงถีงกันอย่างเป็นระบบห่วงโซ่อาหาร 

การออกพระราชกำหนดในปี พ.ศ.2558 (และปรับปรุงเพิ่มเติมในปี พ.ศ.2560) จึงกำหนดให้ ‘โพงพาง’ เป็นเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย แม้จะซื้อขายได้ แต่ห้ามผู้ครอบครองใช้ในแหล่งน้ำสาธารณะ 

ทางออกที่ยั่งยืน

ดร.เอกนรินทร์มองว่า หากชั่งน้ำหนักระหว่างมิติเครื่องมือประมงพื้นบ้านของชุมชน มุมมองทางกฎหมาย มิติทางนิเวศวิทยา และ การปฏิบัติได้จริงในแต่ละพื้นที่นั้น ต้องมีการพูดคุยหาทางออกกันระหว่างหน่วยงานรัฐและประมงพื้นบ้านในแต่ละพื้นที่เพื่อหาทางออกอย่างเหมาะสม เช่น การชดเชยรายได้หากรื้อโพงพาง หรือ หากมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องมือชนิดนี้ต่อ ควรมีการศึกษากำหนดระยะเวลาหรือช่วงเวลาการวางโพงพางที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ และเว้นช่วงเพื่อให้ระบบนิเวศในพื้นที่นั้นฟื้นฟูตัวเอง

“การทำประมงเกินขนาดส่งผลให้ความหลากหลายของสัตว์น้ำน้อยลง และ ในระยะยาวจะส่งผลต่อธุรกิจประมงเอง การแก้ไขปัญหาอย่างระยะยาวจึงมีความจำเป็น ทุกฝ่ายจึงต้องหาทางออกร่วมกัน” อาจารย์ประจำสาขาวิชาวาริชศาสตร์กล่าว

เรื่อง: กองบรรณาธิการ
ภาพ: แฟ้มภาพ/ ฉันทวัฒน์ แซ่หลี

2024 Review -คำเตือน (ซ้ำๆ) จากปัญหาสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

ทะเลสาบสงขลา-ไทยลากูน? มากกว่าเปลี่ยนชื่อคือองค์ความรู้ และชีวิตบนฐานทรัพยากร

“เรียนรู้วิถีตาลโตนด” มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมสู่เมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *