สภาพัฒน์-ม.อ. จัดเวทีรับฟังความเห็นผลการศึกษา SEA สงขลา-ปัตตานี ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี

วันนี้ (22 สิงหาคม 2568) ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฯ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ICC Hatyai) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) จัดเวทีนำเสนอผลการศึกษาการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment – SEA) พื้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดปัตตานี หลังจากการดำเนินงานโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเข้าสู่แผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานีเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

การดำเนินการศึกษาแผนแม่บท 2 จังหวัดในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2564 มอบหมายให้สภาพัฒน์ฯ และสถาบันการศึกษาในพื้นที่รับผิดชอบการดำเนินงานศึกษาผลการประเมินทางสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างความพยายามผลักดัน ‘นิคมอุตสาหกรรม’ ในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา และการเคลื่อนไหวคัดค้านจากภาคประชาชนและเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อมถึงความเหมาะสมของการผลักดันโครงการ

การดำเนินศึกษาเริ่มต้นจากการสร้างความรับรู้ร่วมกันและผ่านการจัดเวทีการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็น 8 ครั้ง มากกว่า 40 เวที ตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นที่มาของการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ ก่อนสรุปร่างรายงาน SEA และนำเสนอแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่จังหวัดสงขลาและปัตตานีต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณารับรอง

อ่านรายงานฉบับร่างได้ที่: SEA Songkhla-Pattani

SEA เน้นกระบวนการมีส่วนร่วม หาทางออกความเห็นต่าง

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่ากระบวนการศึกษา SEA จังหวัดสงขลาและปัตตานีครั้งนี้เริ่มต้นกรอบกระบวนการทำงานอย่างรอบคอบ ด้วยการรับฟังความคิดเห็นจากทั้งภาคประชาสังคม ประชาชน ภาคธุรกิจ หน่วยงานรัฐท้องถิ่นและส่วนกลาง ประกอบกับการทำงานซึ่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เป็นผู้ประสานงานโครงการหลัก 

เลขาธิการสภาพัฒน์กล่าวว่าการทำงานในครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนให้กับการทำงานของหน่วยงานภาครัฐที่จะให้ความสำคัญกับกระบวนการรับฟังความคิดเห็น เพื่อลดความขัดแย้งต่อผลลัพธ์ของการดำเนินนโยบายที่จะเกิดขึ้นได้ 

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม (กลาง)

“ความคิดเห็นที่แตกต่างกันไม่ใช่อุปสรรคในการทำงาน เมื่อนำความคิดเห็นต่างกันมาทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ก็จะหาทางออกและหาจุดร่วมที่จะดำเนินงานร่วมกันได้” นายดนุชากล่าว

กระบวนการดำเนินงานขั้นต่อไปหลังการศึกษา SEA แล้ว จะนำเข้าสู่กระบวนการทำแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่สงขลา-ปัตตานี พ.ศ.2571-2575 และจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบแผนอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นกรอบในดำเนินงานเชิงพัฒนาพื้นที่ของหน่วยงานภาครัฐในอนาคต พร้อมทั้งกล่าวว่าจะสร้างกลไกตรวจสอบการดำเนินตามแผนฯ ที่เน้นการมีส่วนร่วมและการตรวจสอบของประชาชน

สไลด์ประกอบการนำเสนอสรุปผลการดำเนินงาน SEA สงขลา ปัตตานี

ศึกษาทุกความเป็นไปได้ กางทางเลือกการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ผศ.ดร.พงศ์เทพ สุธีรวุฒิ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในฐานะหัวหน้าโครงการศึกษา กล่าวว่า กระบวนการจัดทำ SEA ในครั้งนี้ ถือเป็นเครื่องมือสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมทางสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเริ่มต้นจากการตั้งคำถามว่ามีของดีอะไรอยู่ ฐานทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ ทุนทางสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ  แล้วใช้ของที่มีอยู่นี้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างคุณค่าต่อสังคมได้อย่างไร

รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและยุทธศาสตร์กล่าวว่าแผนแม่บทฉบับนี้อาจ “ไม่ถูกใจทุกคน” และหากด้านวิชาการอาจมีข้อวิจารณ์ด้านความลึกของการศึกษา แต่มองว่าการนำเสนอนี้เป็นแนวทางที่เริ่มต้นจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของประชาชนในพื้นที่และพร้อมต่อยอดสู่การดำเนินงานต่อเนื่องในอนาคต

ผศ.ดร.พงศ์เทพ สุธีรวุฒิ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในฐานะหัวหน้าโครงการศึกษา

ดร.สินาด ตรีวรรณไชย ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาระบบบริหาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  กล่าวถึงผลการรับฟังความคิดเห็นในกระบวนการ SEA ตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการราว 3 ปี ว่าได้สังเคราะห์เป้าหมายและยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมกัน ดังนี้

เป้าหมายการพัฒนาจังหวัดสงขลาและปัตตานี้: เพื่อเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนบนฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งทั้งสองพื้นที่สงขลาและปัตตานีมีความหนาแน่นของประชากรและถือเป็นหนึ่งในจุดศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้

ดร.สินาด ตรีวรรณไชย ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาระบบบริหาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

และ 3 ประเด็นยุทธศาสตร์ ได้แก่ 

ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านเศรษฐกิจ มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลาและปัตตานีสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ ผ่านการดำเนินงานยกระดับภาคเกษตร การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ยกระดับอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พัฒนาความเข้มแข็งของผู้ประกอบการระดับ Micro-Small รวมถึงด้านการค้าชายแดนและพัฒนาพลังงานทดแทนตามศักยภาพของพื้นที่

ยุทธศาสตร์ที่ 2: ด้านคุณภาพชีวิตและสันติสุขในพื้นที่

ยุทธศาสตร์ที่ 3: ด้านทรัพยากรธรรมชาติ – อนุรักษ์และฟื้นฟู และการรับมือภัยพิบัติ

ดร.สินาดกล่าวว่าเมื่อผ่านกระบวนการรับฟังความเห็น และแจกแจงแนวทางการพัฒนาเป็นยุทธศาสตร์ 3 ด้านหลักข้างต้นแล้ว จะสามารถพิจารณาถึงทางเลือกและแนวทางการพัฒนาพื้นที่ได้ ทั้งนี้ ในรายงาน SEA ฉบับนี้มีการนำเสนอ 29 กรอบโครงการการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งเกิดจากการวิเคราะห์ฐานข้อมูลของทั้ง 2 จังหวัดเพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณาโครงการและฐานข้อมูลของภาคประชาชนในอนาคต

เวทีเสนอความเห็น ภาคประชาชนแสดงความกังวลกลไกติดตามผล โจทย์สร้างการรับรู้อย่างทั่วถึง

ในช่วงการเสนอความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมประชุมนั้น ภาคประชาชนเครือข่าย ‘นักรบผ้าถุง’ และ กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น มองว่าการศึกษา SEA ในครั้งนี้เริ่มต้นจากการเรียกร้องของประชาชนหน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ช่วงปี 2564 และถูกดำเนินคดีจากการชุมนุม พร้อมแสดงความกังวลถึงกระบวนการติดตามดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐตามแผนแม่บทและการบังคับใช้อย่างเคร่งครัด 

ตัวแทนจากเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคใต้ เสนอการใช้คำในรายงาน จากคำว่า “ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้” เป็นคำว่า “ศูนย์กลางการพัฒนาที่ยั่งยืนของภาคใต้” เพื่อสื่อถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมเสนอให้มีคณะกรรมการร่วมสงขลา-ปัตตานีเป็นเจ้าภาพร่วมกันติดตามการดำเนินงานตามแผนแม่บทที่ผ่านการศึกษาฉบับนี้

ด้านตัวแทนจากจังหวัดปัตตานีกล่าวว่าควรเน้นช่องทางการเข้าถึงข้อมูล และสร้างการรับรู้เป็นวงกว้างของประชาชน เช่น การจัดทำฐานข้อมูลที่พัฒนาจากรายงานเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในระยะยาวได้ 

ตัวแทนประชาชนจากพื้นที่ อ.จะนะ กล่าวว่าควรมีการปรับปรุงแผนแม่บทนี้อย่างน้อย 3 ปีต่อหนึ่งครั้ง และเชิญชวนกลุ่มทางสังคมและประชาชนในพื้นที่ซึ่งอาจขาดตกบกพร่องจากการดำเนินงานในช่วงแรกเข้ามาเพิ่มเติม เพื่อความสมบูรณ์ของแผนแม่บทมากขึ้น

รายงานกระบวนการสุดท้าย

ผศ.ดร.พงศ์เทพ สุธีรวุฒิ กล่าวสรุปทิ้งท้ายว่า ทีมงานดำเนินงานของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จะส่งรายงานศึกษาให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมตรวจสอบในวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2568 และมีการแก้ไขรายงานเพิ่มเติม เพื่อให้สภาพัฒน์ฯ นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้การรับรองก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2568

พร้อมกันนั้นทางสภาพัฒน์แจงว่าหลังจากผ่านการรับรองจากคณะรัฐมนตรีแล้วจะใช้รายงานฉบับนี้ แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแผนแม่บทการพัฒนาสงขลา-ปัตตานี หากมีการเสนอโครงการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง จะนำแผนแม่บทฉบับนี้เปรียบเทียบตามแนวทางการพัฒนา 

ผศ.ดร.พงศ์เทพกล่าวว่ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้จัดกลุ่มอาจารย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อรองรับการทำงานด้านวิชาการและองค์ความรู้ต่อการพัฒนาในอนาคต

เรื่อง: ธีรภัทร อรุณรัตน์
ภาพ: ฉันทวัฒน์ แซ่หลี 

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับ สภาพัฒน์ฯ เปิดเวทีระดมความคิดเห็น โครงการการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี

ม.สงขลานครินทร์ ร่วมเป็นแหล่งวิชาการด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทะเลสาบ เพื่อนำ “สงขลาสู่เมืองมรดกโลก”

โพงพางคืออะไร ทางออกที่ยั่งยืนของเครื่องมือประมงพื้นบ้านชนิดนี้ควรเป็นอย่างไร ?

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *