สายด่วน1668 รับปรึกษาปัญหาช่วยเหลือผู้พิการ ในสถานการณ์ COVID-19

ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้พิการประมาณ 2.02 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีข้อจำกัดหลายประการ อาทิ ด้านสายตา และด้านการได้ยิน ที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารความรู้ที่เกี่ยวกับโรค ตลอดจนการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับการป้องกันและการรักษา คนพิการติดเตียง  คนพิการเด็กหรือสูงอายุ ที่มีอุปสรรคในการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทำให้มีวิธีการป้องกันโรคยากกว่าคนอื่นๆ ในสังคม

กรมการแพทย์ จึงได้ร่วมกับวิทยาลัยราชสุดา จัดทำและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลการดูแล ป้องกัน รักษาโรคโควิด-19 ให้เข้าถึงคนพิการทุกประเภทและผู้ดูแล เช่น จัดทำตัวอักษรวิ่ง/ ภาษามือสำหรับคนพิการทางการได้ยิน จัดทำสื่ออักษร/ เสียงสำหรับคนพิการทางการมองเห็น

พร้อมเปิดช่องทางให้คำปรึกษาการดูแลคนพิการ ทางหมายเลขโทร 0 2591 4242 ต่อ 6734 6728-9 หรือสายด่วนกรมการแพทย์ 1668 รวมทั้งมีเครือข่าย อสม. และเจ้าหน้าที่บุคลากรสาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ออกเยี่ยมบ้าน ซึ่งจะส่งต่อข้อมูลมายังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้พิการที่ได้รับผลกระทบ และสามารถขอความช่วยเหลือ ร้องทุกข์ได้ที่สายด่วนศูนย์ประชาบดี โทร 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง

พร้อมให้คำแนะนำสำหรับคนพิการและผู้ดูแล หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะและก่อนรับประทานอาหาร เลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้า สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีคนหนาแน่น รักษาสุขภาพด้วยการกินร้อน ใช้ช้อนส่วนตัว ล้างมือ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และดูแลรับผิดชอบต่อสังคม ในกรณีที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง ต้องแยกและสังเกตอาการไม่น้อยกว่า 14 วัน

แม้ขณะนี้ยังไม่พบรายงานคนพิการติดเชื้อโควิด-19 ก็ตาม ด้านสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟู ได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติในสถานพยาบาลทั่วประเทศ ได้แก่ การคัดกรองประเมินความเสี่ยงก่อนเข้ารับบริการ พิจารณาเลื่อนบริการและปรับรูปแบบบริการในกลุ่มมีความเสี่ยงสูง ปรับเพิ่มระบบบริการสำหรับคนพิการโดยจัดบริการการดูแลฟื้นฟูตามประเภทและระดับความพิการ ได้แก่ ให้บริการเลื่อนนัดทางโทรศัพท์ การให้คำแนะนำ/บริการทางการแพทย์ผ่านระบบทางไกล (Tele-Medicine) การจัดส่งยาทางไปรษณีย์ รวมทั้งจัดบริการช่องทางลงทะเบียนที่สะดวกสำหรับคนพิการ เพื่อรับเงินบรรเทาความเดือดร้อนจากรัฐบาลและมาตรการเยียวยาเพิ่มเติม

ขอบคุณข้อมูล : กรมการแพทย์