ตามประกาศการกำหนดให้เปิดภาคเรียนในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศการเปิดเรียนของสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้สถานศึกษาทุกแห่งของรัฐและเอกชนทั้งในระบบและนอกระบบ โดยสถานศึกษาต้องจัดให้มีการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับประกาศสถานการณ์ของโรคติดเชื้อ COVID-19 จึงทำให้ผู้ปกครองและหลายฝ่าย มีความกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติตัว การเตรียมความพร้อมของผู้ปกครอง นักเรียน และบุคลากรของโรงเรียน การสร้างความเข้าใจให้กับทุกฝ่ายถือว่าเป็นประเด็นสำคัญก่อนเปิดภาคเรียนนี้
มาตรการหลักในการป้องกันโรคของสาธารณสุข ต้องมีมาตรการคัดกรองวัดไข้และอาการเสี่ยงก่อนเข้าโรงเรียน สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา จัดให้มีจุดล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลอย่างเพียงพอ จัดให้มีการเว้นระยะห่าง ทำให้นักเรียนจะเหลือประมาณ 20-25 คนต่อห้อง ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสที่มีการใช้ร่วมกันบ่อย เช่น โรงอาหาร และลดความแออัด ไม่จัดกิจกรรมที่มีการสัมผัสร่วมกัน
กระทรวงสาธารณสุข
โดยในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นการเปิดภาคเรียนวันแรกในช่วงยุคโควิด-19 คงต้องมาติดตามว่าการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆ และมาตรการที่ออกโดยหน่วยรัฐบาล กระทรวงจะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และนักเรียน นักศึกษา ครู ผู้ปกครอง สถานศึกษาจะปรับตัวรับมือกับการเรียนการสอนแบบ New Normal ทุกคนทุกฝ่ายก็ต้องปรับตัวเพื่อให้ปลอดภัยและห่างไกลจากโควิด-19
สำหรับการเปิดโรงเรียนในครั้งนี้ ถือว่ามีความเสี่ยงสูงไม่น้อยไปกว่าการเปิดห้างสรรพสินค้า เพราะโรงเรียนถือเป็นสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมากและต้องใช้เวลาร่วมกันนานนับหลายชั่วโมง ก่อนเปิดเรียน โรงเรียนจึงควรเตรียมการให้พร้อม สำรองอุปกรณ์ และไอเทมต่างๆ เอาไว้ให้เพียงพอ และปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มงวด เพื่อสุขอนามัยที่ดีของนักเรียน คุณครู และบุคลากร และป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดที่อาจส่งผลกระทบไปถึงส่วนรวม
ขอบคุณข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข