“จากเป้าหมายยาสีฟันสมุนไพรเบอร์หนึ่งของไทย ตอนนี้เทพไทยเป็นยาสีฟันเบอร์สามของตลาดยาสีฟันรวมทั้งประเทศ”
จุดเริ่มต้นของยาสีฟันเทพไทยเกิดจากความขยัน อดทนและเข้าหาโอกาสของคนรุ่นแม่ พัฒนาทีละก้าวจากยาสีฟันสมุนไพรกวนในกาละมังขายตามตลาดนัดเป็นยาสีฟันสมุนไพรโอท็อปของสงขลา จนกระทั่งก้าวกระโดดเป็นเบอร์สามของยาสีฟันไทย เส้นทางของยาสีฟันเทพไทยน่าทึ่งขนาดไหน PSUBroadcast เปิดคอลัมน์ คำ.คน.คิด กับ คุณกร สุริยพันธ์ ทายาทรุ่นสองของยาสีฟันเทพไทย
“แต่ก่อนเทพไทยเป็นโอท็อปของอำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา ครอบครัวเราไม่มีใครเป็นคนหาดใหญ่แต่เราเป็นคนกรุงเทพฯ เริ่มต้นเมื่อปี 46 แม่ผมย้ายลงมาอยู่หาดใหญ่ เพราะผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจของปี 2540 แม่ทำงานขายมาก่อนเห็นว่าหาดใหญ่เศรษฐกิจค่อนข้างดีทั้งๆ ที่ที่อื่นแย่ เลยลงมาอยู่ คุณแม่ลงมาอยู่คนเดียว ผมยังเล็กอยู่ ยังเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ แรกๆก็ลงมารับจ้างทั่วไป แม่มารับจ้างเก็บเงินร้านขนมจีน ช่วยเค้าล้างจานอะไรประมาณนี้”
“คุณปู่ของคุณแม่มีความรู้ทางสมุนไพร เราทำใช้ในครอบครัวอยู่แล้ว พอดีมีเพื่อนบ้านปวดฟันคุณแม่เลยเอายาสีฟันตัวนี้ให้เพื่อนบ้านใช้ บอกว่าให้แปรงให้สะอาดแล้วเอายาสีฟันอุดไว้สักประมาณ 10 นาที ก็จะช่วยบรรเทาได้ เพื่อนบ้านหายไปสักสามวัน พอกลับมาเค้าก็มาบอกว่า เออ! ยาสีฟันนี่ดีจริง ทำไมไม่ทำขายล่ะ คุณแม่ว่างั้นทำขายดีกว่า แรกๆ ก็กวนในกะละมังนี่แหละ ใส่ตลับ ใส่ตะกร้าหิ้วขายตามตลาดนัด”
“ก่อนเข้าโอท็อปคุณแม่เล่าให้ฟังว่า ขึ้นสองแถวไปเดินขายยาสีฟันเป็นปกติ ผ่านหน้าไดอาน่า อากาศร้อนก็เลยหลบเข้าไปตากแอร์ในห้าง พอเข้าไปในห้าง ปรากฎว่าชั้นล่างจัดงานโอท็อปอยู่ คุณแม่เลยเข้าไปถามว่า ถ้าอยากจะเอาของมาขายอย่างนี้ทำยังไง เค้าเลยแนะนำคุณแม่ให้ไปติดต่อที่อำเภอแล้วเข้าเป็นสินค้าโอท็อป ตั้งแต่นั้นยาสีฟันของคุณแม่ก็เข้าโอท็อป ประมาณปี 47 ครับ ช่วงที่ขายตามตลาดนัดหรือเดินขายก็พอเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ถึงขนาดขายดี คุณแม่เป็นนักขาย ใช้เทคนิคเปิดให้ดมก่อน ยาสีฟันเราเป็นสมุนไพรจริงๆ ก็ให้ดมแล้วก็อธิบายเรื่องของปริมาณการใช้ สรรพคุณประมาณนี้ พอดีเราหิ้วตามตลาดนัด บางทีกลุ่มผู้บริโภคเค้าก็จะมองว่าเอ๊ะ ของสินค้าไม่มีชื่อไม่มีอะไรเลยอย่างนี้นะครับ”
“พอเริ่มเข้าโอท็อปก็ได้ออกอีเวนท์ของพัฒนาชุมชน ก็ค่อยๆ พัฒนาโปรดักส์ พัฒนาแพ็คเกจจิ้ง พัฒนาตลาด และพอเข้าได้สักพักนึงก็ต้องจดทะเบียนการค้าของตัวสินค้า ตอนนั้นคุณแม่ใช้ชื่อ “ยาสีฟันรักษ์ไทย” ปรากฎว่าพอจะไปจดทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ก็บอกว่าชื่อมันซ้ำ มีคนจดไปแล้วอยู่แถวลพบุรี…ชลบุรี อะไรประมาณนั้น ก็เลยมานั่งคิดว่าเราจะเอาชื่ออะไรดี เพื่อนๆ แม่ก็บอกว่าเอาชื่อ “เทพไทย” เพื่อนแม่บอกว่าสมุนไพรเป็นสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้กับคนไทยได้ใช้ ก็เปรียบดั่งเทพประทานสินค้าตัวนี้ให้กับคนไทยเลยเป็นที่มาของ “เทพไทย”
“ยอดขายตอนเข้าโอท็อปแล้วก็พอได้ครับ ไม่ถึงกับมากเท่าไหร่ ปีๆ นึงถ้าคิดเป็นจำนวนหลอดก็อาจจะอยู่ไม่เกิน 100,000 หลอดต่อปี ตอนนั้นเรามีโปรดักส์เดียวก็คือยาสีฟัน จริงๆ ตอนคุณแม่ออกงานก็มี khow how เรื่องการทำสบู่ แชมพู โลชั่น ครีมอาบน้ำอะไรพวกนี้ด้วยครับ แต่ตัวที่ดังที่สุดคือยาสีฟัน เวลาเราไปออกอีเวนท์ ออกโอท็อปทั่วประเทศเราก็จะแวะส่งของตามร้านขายของฝาก ร้านค้าทั่วไป ร้านสุขภาพ ร้านขายยา ช่วงนั้นเราไม่ได้มองว่าเราต้องไปเป็นเจ้าตลาดยาสีฟันสมุนไพร อยู่เบอร์ท้ายๆ ก็ได้ ให้เราเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ก็พอประมาณนี้ครับ”
“ประมาณปี 57 ผมลงมาด้วยช่วยดู ก่อนนั้นก็แบบลงมาช่วยนิดๆ หน่อยๆ ตอนที่ออกโอท็อป คุณแม่ก็มานั่งคุยกันนะครับว่า คุณแม่ใช้เวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 47 เราเข้ามาช่วยปี 57 คุณแม่ก็ว่าถ้าให้ลูกทำ ไม่รู้ลูกจะสู้ได้เหมือนที่คุณแม่สู้หรือเปล่าเพราะคุณแม่ผ่านอะไรมาเยอะ พอดีผมมีพี่สาวอีกคนนึงที่จบสายตรงทางด้านมาร์เก็ตติ้ง ทางด้านบริหารมา เราก็มาวิเคราะห์ตัวเอง เหมือนมาทำSWOT ตัวเอง จุดแข็ง จุดอ่อน อุปสรรคของตัวเราเอง เราก็จะรู้ว่าเรามีจุดแข็งอะไร จุดอ่อนอะไร เหมือนเราบอกว่าเราเก่งขาย โอเค เราก็ไปทำขาย เราเก่งผลิตเราก็ไปยืนที่ผลิต เปรียบเสมือนเด็กคนนึงที่ไม่สามารถจะเก่งทุกวิชา พอเรามาวิเคราะห์ตัวเองสิ่งที่เราไม่เก่งคือเรื่องการตลาด เลยวางแผนว่าถ้าอย่างนั้นเรามีหน้าที่ผลิตแล้วเราก็หาคนมาช่วยเราดูในเรื่องผลิตสินค้า”
“ช่วงแรกเราทำตัวขนาดทดลอง 5 กรัมแจก ตอนแรกแจกที่ล้านหลอดก็ได้ผลตอบรับดีครับ ช่วงโปรโมชั่นทำการตลาดก็ยิงแอดโฆษณา ยิงโฆษณาทางทีวีแล้วก็เอาเข้าร้านสะดวกซื้อ เซเว่น บิ๊กซี โลตัสอะไรพวกนี้ครับ โฆษณาตัวแรกเป็นคุณเมญ่า ตอนปี 57”
“เป้าหมายที่เราวางว่าจะเป็นยาสีฟันสมุนไพรเบอร์หนึ่งก็เลยแล้วครับ ทีแรกเรากะว่าเราจะเป็นเบอร์หนึ่งของยาสีฟันสมุนไพร พอเทพไทยลงตลาดจริงๆ เราไปตีเค้าทั่วหมดเลย ถ้ามองย้อนกลับไปสักปีสองปียังมีแบรนด์ที่มาเล่นสมุนไพรไม่มากก็จะมีเทพไทย แล้วก็แบรนด์เจ้าเก่า พอราลงตลาดไปพักนึงเริ่มจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็มียาสีฟันแบรนด์ใหญ่ๆแบรนด์เมืองนอกที่ผสมสมุนไพรเข้าไป เราวางเป้าหมายว่าจะเป็นเจ้าตลาดยาสีฟันสมุนไพรซึ่งเราได้ตามเป้าหมายแล้ว เราเลยคิดว่าเราจะขึ้นเป็นเบอร์สองของตลาดยาสีฟันไทยให้ได้ ตอนนี้เราเป็นเบอร์สามครับ”