ดูแลสุขภาพตา(เด็ก) ในยุคออนไลน์

ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิต เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งเรื่องการติดต่อสื่อสาร การทำงาน การประชุม การเรียน เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต อีกทั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้หลายๆอาชีพต้องหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีออนไลน์กันมากยิ่งขึ้น นักเรียน นักศึกษา จำเป็นต้องเรียนออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามอุปกรณ์อิเล็กทอนิกเหล่านี้อาจจะนำมาซึ่งปัญหาและผลกระทบต่อเด็ก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้เช่นกัน

รศ.พญ.สุภาภรณ์ เต็งไตรสรณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ม.อ. ได้กล่าวกับรายการสภากาแฟว่า “ปัจจุบันปัญหาสุขภาพสายตาในเด็กที่พบมากคือ ปัญหาสายตาสั้นเร็วมาก และปัญหาตาเข ในส่วนของสายตาสั้นการใส่แว่นเป็นวิธีแก้ ส่วนตาเข การรักษาจะมีอยู่ 2 วิธี นั่นคือการฉีดยา และการผ่าตัด อย่างไรก็ตามการเพ่งอยู่หน้าจอเป็นระยะเวลานานกว่า 2.5 ชม. ต่อวัน โดยเฉพาะในระยะน้อยกว่า 20 ซม. นานกว่า 45 นาที เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะสายตาสั้นได้เร็วและมากขึ้นในเด็ก ไม่เพียงภาวะสายตาสั้นเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปกติแต่ยังเสียบุคลิกภาพ”

ถึงแม้ว่าสื่อออนไลน์ช่วยให้เด็กๆ ยุคดิจิทัลติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายดายและรวดเร็วขึ้น ทั้งยังช่วยพัฒนาทักษะการเข้าสังคมได้ดียิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน พ่อแม่ควรคอยให้คำแนะนำแก่เด็กๆ ในการใช้งานสื่อออนไลน์อยู่เสมอ เพื่อสร้างความเข้าใจถึงผลกระทบต่างๆ ควรกำหนดระยะเวลาการใช้งานสื่อออนไลน์ที่เหมาะสม ส่งเสริมการใช้เวลาในการเล่นแบบออฟไลน์ที่มีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ เช่นกัน

“ช่วงของเด็กในวัยแรกเกิด จนถึง 6 ปี เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดสำหรับกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก ดังนั้นการที่พ่อแม่ปล่อยให้ลูกใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ติดต่อกันนานๆ จะทำให้เด็กมีพัฒนาการไม่สมวัย มีการเคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่ว สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง หรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมาธิสั้นอีกด้วย”

นอกเหนือจากการดูแลปกป้องดวงตาของเด็กๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้ปกครองควรพาลูกไปตรวจสุขภาพตาเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง เพราะการมองเห็นคือสิ่งสำคัญจึงไม่ควรมองข้ามการตรวจดวงตา