สธ.สงขลา แนะนำการดูแลสุขภาพในช่วงถือศีลอด “เดือนรอมฎอน”

สธ.สงขลา แนะนำการดูแลสุขภาพในช่วงถือศีลอด “เดือนรอมฎอน”

นพ.สงการนต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา กล่าวว่า เดือนรอมฎอนหรือช่วงถือศีลอด เป็นช่วงที่ชาวไทยมุสลิมได้ปฏิบัติตามศาสนาบัญญัติ ซึ่งตามความหมายของศาสนาของอิสลาม คือ การงดเว้นการกินอาหารเครื่องดื่มทุกชนิด รวมไปถึงงดการกระทำที่ไม่เกิดประโยชน์ หรือการกระทำที่ขัดกับคุณธรรม ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตกต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน ดังนั้น เพื่อเป็นการดูแลสุขภาพ ป้องกันโรค และป้องกันการเจ็บป่วยที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมทั้งป้องกันผลกระทบต่อการปฏิบัติตามศาสนาบัญญัติ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา มีข้อแนะนำในการดูแลสุขภาพระหว่างการถือศีลอด ดังนี้

ข้อแนะนำในการกินอาหารเพื่อสุขภาพในช่วงถือศีลอด มีดังนี้

  • อาหารมื้อเช้าและอาหารมื้อเย็น ควรเริ่มด้วยอาหารเหลวย่อยง่าย เช่น น้ำหวาน น้ำผลไม้ หรือ ผลไม้เพื่อให้กระเพาะได้ปรับตัว หลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยากเพราะจะทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัดเพราะจำทำให้กระหายน้ำได้ระหว่างการถือศีลอดในตอนกลางวัน
  • อาหารมื้อเย็น ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารมากเกินไป การรับประทานอาหารอย่างรวดเร็ว อาจเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อและอาการกรดไหลย้อน
  • หลีกเลี่ยงการนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร ควรเว้นอย่างน้อย 2 – 4 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสจัด ทั้งประเภทหวาน มัน เค็ม อาหารที่มีไขมันสูง

สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการยาในช่วงถือศีลอด มีข้อแนะนำวิธีกินยาในระหว่างเดือนรอมฎอน

  • ยาทั่วไป กินวันละ 1 – 2 ครั้ง ก่อนหรือหลังอาหารมื้อเช้า ให้กินก่อนหรือหลังอาหารหัวรุ่ง ยาที่กินก่อนหรือหลังอาหารมื้อเย็น ให้กินก่อนหรือหลังศีลอด โดยยาที่กินก่อนอาหารเย็น สามารถกินร่วมกับการละศีลอดด้วยอินทผาลัมและน้ำได้ จากนั้นจึงไปละหมาดแล้วกลับมากินอาหารเย็นตามปกติ
  • ยาที่กินวันละ 3 ครั้ง ให้เพิ่มตอนก่อนนอน (ประมาณ 22.00 น.) อีก 1 มื้อ
  • ยาที่กินวันละ 4 ครั้งเช่น ยาปฏิชีวนะ ให้กิน 1 เม็ด หลังละศีลอด 1 เม็ดก่อนนอน และ 2 เม็ด หลังมื้ออาหารหัวรุ่ง เพื่อเพิ่มระดับยาในช่วงเช้าหรือเปลี่ยนเป็นยากลุ่มอื่นๆ  ซึ่งสามารถกินยาวันละ 2 ครั้งได้ แต่ต้องปรึกษาแพทย์

ทั้งนี้ การปรับลดการกินยาควรปรึกษาแพทย์ก่อน ไม่ควรงดยาเองเพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อการรักษาในอนาคตหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ทั้งนี้ หากเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถขอความช่วยเหลือจากศูนย์นเรนทรโทรสายด่วน 1669

ข้อมูล : สสจ. สงขลา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *