ข้อมูลจากเฟซบุกแฟนเพจ ‘ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง’ ระบุการสำรวจพบแมงกะพรุนหัวขวด (แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส หรือแมงกะพรุนไฟเรือรบ) เป็นแมงกะพรุนพิษในสกุลไฟซาเลีย (Physalia)
จากการลงพื้นที่ในวันที่ 27 มกราคม 2568 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการแพร่กระจายพบความหนาแน่นบริเวณพื้นที่ชายหาดชลาทัศน์ 174 ตัว/100 ม. ชายหาดสมิหลา 15 ตัว/100 ม. และ ชายหาดแหลมสนอ่อน 62 ตัว/100 ม.
ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ของทุกปีเป็นช่วงการระบาดของแมงกะพรุนหัวขวด ซึ่งมีพิษอาจทำลายระบบประสาท ผัวหนัง และหัวใจ หากสัมผัสจะปวดบริเวณบาดแผล บวม มีผื่นขึ้น อาจส่งผลให้หลอดลมหดเกร็งและหัวใจเต้นเร็ว-แรง ประเทศไทยยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตจากแมงกะพรุนกลุ่มนี้
ด้าน ดร.ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ให้สัมภาษณ์ในรายการแลบ้านแลเมือง ตั้งข้อสังเกตว่าทะเลไทยทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามันเจอแมงกะพรุนชนิดนี้บ่อยขึ้น อาจเป็นเพราะการเพิ่มขึ้นไฟโตแพลงตอนก์อาหารของของแมงกะพรุน ส่วนประเด็นภาวะโลกรวนนั้นยังไม่มีข้อชี้ชัดชัดเจนว่ามีผลตรงกับจำนวนแมงกะพรุนอย่างไร
นอกจากรายงานการพบในจังหวัดสงขลาแล้ว ยังพบแมงกะพรุนหัวขวดจำนวนมากบริเวณชายหาดใน อ.สายบุรี อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี เมื่อโดนพิษจากแมงกะพรุนจะทำให้เกิดแผลรอยแดงที่ผิวหนังตามความยาวของเส้นหนวด ปวด บวม อาจมีอาการหลอดลมหดเกร็ง หัวใจเต้นเร็วและแรง หากสัมผัสหนวดแมงกะพรุน หนวดจะติดแน่นบริเวณผิวหนัง อ.ศักดิ์อนันต์ แนะนำให้รีบใช้เศษไม้ กิ่งไม้ หรือบัตรเครดิต พลาสติก รูดและสะบัดออกให้เร็ว อย่าใช้มือปาดเพราะมืออาจสัมผัสพิษ หลังจากนั้นราดแผลด้วยน้ำส้มสายชู ไม่ควรใช้น้ำจืดหรือน้ำทะเลล้าง ระหว่างนั้นรีบโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนฉุกเฉิน 1669
หรือหากมีไลฟ์การ์ดในบริเวณให้รีบขอความช่วยเหลือทันที อ.ศักดิ์อนันต์ เสริมว่าแม้แต่การแต่งกายมิดชิดเล่นน้ำทะเลก็อาจยังไม่สามารถป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะเคยมีนักท่องเที่ยวที่สวมเสื้อผ้ามิดชิดหรือบอดี้สูทก็ยังโดนพิษจากแมงกะพรุน
ดังนั้นความตระหนักว่าการเที่ยวทะเลในหน้าร้อนโดยเฉพาะจังหวัดสงขลาในเดือนมีนาคมต้องระวังว่า อาจเจอแมงกะพรุนหัวขวด แม้แต่ซากแมงกะพรุนหัวขวดก็ยังมีพิษ จากข้อมูลที่มีนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำทะเลแล้วบอกว่าโดนแตนทะเลนั้น จริงๆแล้วแตนทะเลไม่มีตัวตน แต่คือเศษหนวดเส้นเล็กๆของแมงกะพรุนที่ล่องลอยอยู่ในน้ำ เป็นเหมือนเข็มที่เรามองไม่เห็น หากสัมผัสแล้วจะมีอาการแสบและคันอย่างมาก
ประชาชนและนักท่องเที่ยวจึงควรระมัดระวัง และ สังเกตป้ายเตือนตามพื้นที่ชายฝั่งทะเลและติดตามข่าวสารและประกาศอย่างสม่ำเสมอ
.
เรื่อง: ทีมข่าวแลบ้าน แลเมือง
ภาพ: ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง