บุหรี่ธรรมดา และบุหรี่ไฟฟ้า ล้วนแต่มีสารเคมีที่มีโทษต่อร่างกาย หากอยากเลิกบุหรี่ธรรมดาแล้วหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้น นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้มีความอันตรายต่อสุขภาพน้อยลง ร้ายไปกว่านั้นยังทำให้ผู้สูบยังคงติดพฤติกรรมการสูบ ส่งผลให้อัตราการสูบบุหรี่โดยรวมทั้งบุหรี่ธรรมดาและไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
“งดสูบบุหรี่เป็นเวลา 15 นาที หัวใจจะเต้นช้าลง เมื่องดเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ลดลงสู่ภาวะปกติ ถ้างดสูบบุหรี่เป็นเวลา 14 วัน ระบบไหลเวียนดีขึ้น หายใจโล่งขึ้น รู้สึกสดชื่น หากเลิกสูบบุหรี่ในเวลา 1 ปี ความเสี่ยงโรคหัวใจวายลดลง 50% และถ้าเลิกสูบตั้งแต่ 5 ปี เป็นต้นไป ความเสี่ยงโรคสมองลดลง 50%”
นายแพทย์เอนก กนกศิลป์
ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์
สำหรับผู้ที่ต้องการอยากเลิกบุหรี่จริง เพียงแค่หาเหตุจูงใจที่จะเลิก เช่น มอบเป็นของขวัญกับคนที่เรารักในโอกาสสำคัญ เตรียมตัวให้พร้อม กำหนดวันที่แน่นอนบอกคนที่รักเพื่อเป็นกำลังใจ ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด หากิจกรรมต่างๆ ทำ เช่น อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย และยืนยันตั้งมั่นว่าจะเลิกบุหรี่แน่นนอน ด้วยการทิ้งอุปกรณ์การสูบบุหรี่หรือเมื่อรู้สึกอยากสูบบุหรี่ให้ดื่มน้ำหรือล้างหน้าทันทีเมื่อรู้สึกหงุดหงิด สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และช้าๆ 2- 3 ครั้ง และหากิจกรรมอื่นๆ ทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
ส่วนผู้กำลังที่จะเริ่มต้นสูบบุหรี่หรือสูบบุหรี่มาแล้วเป็นระยะเวลานาน ควรเลิกเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเองและคนที่คุณรัก เพราะควันบุหรี่ส่งผลเสียแก่ผู้ที่สูดดมเอาควันเข้าไปถึงไม่ได้เป็นผู้สูบโดยตรงก็ตาม ทุกครั้งที่สูบเอาควันเข้าไปในปอดแต่ละครั้งนั่นหมายความว่าเรากำลังใช้ร่างกายของเรากรองเอาสารพิษหลากหลายชนิดไว้ในตัวเรา และสารพิษเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ บั่นทอนชีวิตของเราให้สั้นลงไม่มากก็น้อย ดังนั้นเราควรหาวิธีลด ละ เลิก การสูบบุหรี่กันเสียแต่วันนี้เพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต
สถาบันโรคทรวงอกเปิดให้บริการคลินิกอดบุหรี่ ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.00 – 16.00 น. ให้คำปรึกษาการเลิกบุหรี่ โดยบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทาง และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเปิดบริการ อดบุหรี่ ด้วยยา ทุกวันจันทร์ เวลา 08.00 – 12.00 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร 02-5470999 ต่อ 30927