หน้าฝนต้องระวัง โรคเลปโตสไปโรสิส (โรคฉี่หนู)

กรมควบคุมโรค เฝ้าระวังสถานการณ์โรคเลปโตสไปโรสิส หรือโรคไข้ฉี่หนู ในปี 2563 นี้ พบว่ามีผู้ป่วยรวมทั้งสิ้น 501 ราย เสียชีวิต 6 ราย โดยจังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคน สูงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ระนอง ยะลา พังงา ศรีสะเกษ และสตูล ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ ภาคใต้ รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง กลุ่มอายุที่พบป่วยมากสุด คือช่วงอายุระหว่าง 45–54 ปี รองลงมาคืออายุ 35-44 ปี และอายุ 55-64 ปี อาชีพส่วนใหญ่ที่พบป่วย คือ อาชีพเกษตรกร

ในช่วงนี้เป็นฤดูฝน และเป็นฤดูกาลทำนา คาดว่าโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคไข้ฉี่หนูเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรที่อาจสัมผัสกับเชื้อโรคมากกว่ากลุ่มอื่นๆ โรคไข้ฉี่หนู เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยเชื้อจะถูกปล่อยออกมากับฉี่ของสัตว์ที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะหนู ซึ่งเชื้ออาจปนเปื้อนอยู่ตามน้ำ ดินที่เปียกชื้น หรือพืชผัก สามารถเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังตามรอยแผล รอยขีดข่วนและเยื่อบุของปาก ตา และจมูก นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าทางผิวหนังปกติที่อ่อนนุ่มเนื่องจากการแช่น้ำนานด้วย

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค

กรมควบคุมโรค จึงขอแนะนำการป้องกันโรคไข้ฉี่หนู โดยเลี่ยงการแช่หรือลุยน้ำที่อาจปนเปื้อนเชื้อจากฉี่สัตว์นำโรค หรือหากจำเป็นควรสวมรองเท้าบู๊ตหรือใช้ถุงมือยาง เช่น การทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลด การทำเกษตรกรรมหรือเลี้ยงสัตว์ หลังจากลงไปในแหล่งน้ำหรือย่ำดินโคลนควรรีบทำความสะอาดร่างกาย กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่และใส่ภาชนะมิดชิด ควรล้างผัก ผลไม้ ให้สะอาดก่อนนำมารับประทาน และควรควบคุมกำจัดหนูในบริเวณที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน และแหล่งท่องเที่ยว

สำหรับผู้ที่มีประวัติเสี่ยงแช่น้ำ ย่ำดินโคลน หรือบุคคลทั่วไป หากพบว่ามีอาการป่วยด้วยไข้เฉียบพลัน ปวดศีรษะรุนแรง หนาวสั่น ตาแดง ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่น่องและโคนขา ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาโดยเร็ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ขอบคุณข้อมูล : กรมควบคุมโรค