จากหลายพื้นที่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ให้เพิ่มความระวังในกลุ่มเสี่ยงที่เจ็บป่วยได้ง่ายและอาการรุนแรงกว่ากลุ่มทั่วไป ได้แก่ กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป หญิงมีครรภ์ และ กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคตับ และโรคโลหิตจาง เป็นต้น
นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น แสดงความห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะในช่วงที่ฤดูกาลเปลี่ยนผ่าน ซึ่งหน่วยงานได้มีมาตรการในการเตรียมความพร้อมระบบเฝ้าระวัง ติดตาม ประเมินสถานการณ์ และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในพื้นรับผิดชอบ จากข้อมูลของกรมควบคุมโรคเปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 12 ตุลาคม 2563 พบผู้ป่วย 112,283 ราย เสียชีวิต 3 ราย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ปี2562) พบว่าในปี 2563 จำนวนผู้ป่วยลดลง
ทั้งนี้เพราะความร่วมมือของประชาชนในการปฏิบัติตนตามคำแนะนำในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ประชาชนดูแลตนเองและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 โดยการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง แยกของใช้ และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด จึงขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพและป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง พร้อมแนะนำให้สร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยรับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัยและครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารปรุงสุกใหม่ ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือบ่อยๆเพื่อกำจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆที่ติดมากับมือ สวมใส่เสื้อผ้าให้พอเหมาะกับสภาพอากาศ รักษาอุณหภูมิของร่างกายให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่มีคนแออัด และงดการดื่มแอลกอฮอล์แก้หนาวเพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้หัวใจวายและเสียชีวิตได้
สำหรับผู้ป่วย ขอให้พักผ่อนมากๆ และสวมหน้ากากอนามัย แนะนำให้หยุดเรียน หรือหยุดทำงานและให้อยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ที่สำคัญผู้ปกครองต้องคอยสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กเล็กมักป่วยได้ง่ายและหากพบว่ามีอาการรุนแรงขึ้น เช่น เหนื่อยหอบ หรืออาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง ขอให้ไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทันที ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422”
ขอบคุณข้อมูล : กองโรคติดต่อทั่วไป/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค