‘LUNATIQUE’ นิทรรศการศิลปะ จินตนาการ ความงดงามยามราตรี และอิทธิพลครอบงำจากดวงจันทร์

นิทรรศการศิลปะ ‘LUNATIQUE’ ชุดผลงานแรกของปีจาก a.e.y space ในจังหวัดสงขลา ร่วมกับศิลปินหญิงยุคใหม่ คือ Naisu ศิลปินทัศนศิลป์ ที่โดดเด่นด้วยผลงานภาพประกอบจนได้รับเสียงชื่นชมทั้งในและต่างประเทศ และ Sophirat ช่างภาพนู้ดอันดับต้นๆ ของประเทศ ผู้เคยทำงานเป็นช่างภาพในเยอรมนีกว่า 3 ปี ชุดผลงานครั้งนี้นำความหลงใหลและพื้นหลังที่มีร่วมกันของศิลปินทั้งคู่เกี่ยวกับผู้คน ธรรมชาติ วัฒนธรรมย่อย ระเบียบทางสังคม ผ่านตัวแทนของดวงจันทร์

ชุดผลงานสื่อสะท้อนถึงจินตนาการภาพความงดงามในยามราตรี (Lunar) บริวารดวงเดียวของโลก ที่ยังมีโลกคู่ขนานอย่าง (Lunatic) รากศัพท์จากภาษาละติน ที่หมายถึงอิทธิพลครอบงำจากดวงจันทร์จนทำให้ผู้คนเกิดการเจ็บป่วยด้านจิตใจ ความบ้าคลั่ง เรื่องราวความผิดปกติ และปรากฏการณ์แปลกประหลาด จนนักปรัชญาชาวกรีกและโรมัน ทั้งฮิปโปเครตีส อริสโตเติล และพลินีผู้อาวุโส ต่างตั้งข้อสังเกตว่า มนุษย์มีสมองเป็นอวัยวะชุ่มน้ำ เมื่อดวงจันทร์มีผลต่อน้ำขึ้นน้ำลง ย่อมต้องมีผลต่อร่างกายของมนุษย์ไม่แตกต่างกันและด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงเสี่ยงต่อ “ปรากฏการณ์ทางจันทรคติ” (Lunar Lunacy Effect) หรือ “ปรากฏการณ์ทรานซิลวาเนีย” (Transylvania Effect) ที่ปรากฏอยู่ทั่วยุโรปจนถึงยุคกลาง ว่ากันว่าปรากฏการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าหรือแวมไพร์ในช่วงพระจันทร์เต็มดวง

ศิลปินทั้งคู่ถ่ายทอดผลงานพร้อมตั้งประเด็นถึงการมีอยู่และการไม่มีอยู่ ด้วยชุดงานทัศนศิลป์ ศิลปะจัดวาง และภาพถ่ายแนวอีโรติก เชื่อมโยงระหว่างสตรีและดวงจันทร์ เส้นด้ายบางๆ  ที่นำไปสู่การต่อสู้ การตีกลับไปมาระหว่างชายและหญิง การปกป้องสิทธิ ความสัมพันธ์ต่อตนเอง บุคคลอันเป็นที่รัก และระเบียบทางสังคม แปรความความมืด-ความสว่างเป็นสมมุติฐานโลกคู่ขนานของ Lunatic ที่หมายถึงความบ้าคลั่ง และการครอบงำด้วยแสงสว่างจากดวงจันทร์ พร้อมตั้งคำถามว่า การซ่อนเร้นลับลวงราวแม่มดหมอผีนี้ อาจมีคุณค่าและเปล่งประกายมากพอในการเปิดบทสนทนาอันไม่มีที่สิ้นสุดมากกว่าการครอบงำทั้งปวงที่เกิดขึ้นในจักรวาลนี้

คุณแมท-โศภิรัตน์ ช่างภาพนู้ด เจ้าของเพจ ผู้หญิงถือกล้อง หนึ่งในศิลปินนิทรรศการ LUNATIQUE เล่าช่วงก่อนเดินทางกลับมาเมืองไทยราวปี 2556 นี้คือเวลาที่ศิลปินได้มีการค้นคว้าแง่มุมทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับร่างกายมนุษย์และภาพนูด เธอสนใจในความเป็นมนุษย์ และมักได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวของผู้คน ธรรมชาติ สัตว์ต่างๆ วัฒนรรรมย่อย และสถานการณ์ในสังคม ไทย รวมถึงพยายามค้นหาคำตอบของชีวิตผ่านผลงานที่เธอได้มีโอกาสลงมือทำในแต่ละช่วงเวลา”

“ในปี 2562 เธอได้เข้าร่วมโครงการศิลปินพำนัก ด้วยความตั้งใจที่จะค้นคว้าและร่วมงานกับชุมชนท้องถิ่น เพื่อค้นหาว่าผู้คนเหล่านั้นคิดเห็น อย่างไรเกี่ยวกับร่างกายของตนเอง ก่อนเริ่มนําร่างกายของพวกเขามาเป็นส่วนหนึ่งในการบอกเล่าเรื่องราวที่พวกเขาสนใจ เช่นมาตรฐาน ความงาม ธรรมชาติ วัฒนธรรมย่อย หรือการเมืองฯลฯ นอกเหนือจากนี้เธอยังสนับสนุนเรื่องการรักร่างกายของตัวเอง และการเคารพ ความหลากหลายในสังคม”

“ภาพถ่ายชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ “BONDING – ความสัมพันธ์” (ปี 2561 – ปัจจุบัน) เริ่มต้นจากการตั้งคำถามถึงการเปลือยเปล่า และเรื่องเพศวิถีที่มักไม่ได้ถูกแยกออกจากกัน แม้กระทั่งศตวรรษที่ 18 จนถึงวันนี้ มายาคติดังกล่าวก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่กลับ ถูกผลิตออกมาซ้ำๆ เพื่อตอกย้ำความเชื่อที่ว่า ตราบใดที่มีบุคคลในภาพมากกว่าหนึ่งเปลือยเปล่า ผลลัพธ์ของภาพจะถูกสื่อความหมายให้ เป็นเรื่องราวของเพศสัมพันธ์เสมอจากการรับรู้ของผู้คนส่วนใหญ่ทั้งที่ในความสัมพันธ์และความรักนั้นมีแง่มุมความหลากหลายมากกว่านั้น ภายใต้ความเป็นมนุษย์หรือจิตวิญญาณ”

“ศิลปินทํางานชุดนี้โดยใช้การขออนุญาตเข้าไปสังเกตการณ์และพูดคุย รับสารความเป็นตัวตนและบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวแบบ อย่างให้เกียรติและไม่ก้าวก่าย จนนำพาไปสู่หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเองโดยรรรมชาติอย่างไร้การคาดเดา แม้รูปถ่ายจะออกมาดูคลุมเครือ แต่นั่นทำให้ผลลัพธ์มีความจริงอย่างที่สุด”

คุณไนซ์-ปริยนาถ จิรัฐฐิติกาล ศิลปินนักวาดภาพประกอบอิสระ เล่ามุมมองต่อการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแนวอีโรติกของ NAISU ในผลงานชุดนี้ โดยใช้สัญชาตญาณที่หวนกลับไปสู่สิ่งพื้นฐานและความเป็นเด็ก ทั้งเทคนิคการใช้ดินสอร่างแบบนกระดาษชวนนึกถึงเทพนิยายและมังงะSHOUJOที่เคยอ่านในวัยเด็กนอกจากนี้ยังใช้ผงถ่านสีดำ (แกรไฟติก ที่มีผิวสัมผัสหยาบๆร่วมกับการละเลงสีแบบแห้งผสมเปียกเพื่อสร้างตัวละครในจินตนาการที่สามารถแสดงออกทางเพศได้อย่างเปิดเผยผ่าน ความเชื่อและปลุกเร้าด้วยเสียงภายในของตนเองอย่างลึกซึ้ง เปี่ยมไปด้วยพลังในการสร้างสรรค์”

“ศิลปะมีความหมายไม่ต่างจากเวทมนตร์ เพราะทั้งคู่ล้วนเป็นวิธีการในการแสดงออก สร้างสมดุลระหว่างจิตวิญญาณและพลังงาน อีกทั้งการ ดังสัญชาตญาณและจิตใต้สำนึกออกมาบนชิ้นงานศิลปะในฐานะสื่อกลาง ทำให้เธอมองว่า นี่เป็นการสื่อสารกับพลังที่อยู่นอกขอบเขตทาง กายภาพจนแสดงออกเป็นรูปแบบทางจิตวิญญาณที่จับต้องได้เสมือนการสื่อสารโต้ตอบกับพระเจ้าซึ่งในที่นี้ไม่ได้เทียบเคียงในเชิงศาสนาแต่ เป็นสถานะของการปลดเปลื้องขั้นสูงสุด ที่แสดงออกถึงธรรมชาติในตัวของเธอเอง”

“ชุดผลงานนี้เริ่มต้นในช่วงเวลาอันเงียบสงบปลายปี 2023 เปลี่ยนผ่านสู่ปี 2024 ด้วยคำถามเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างพลังภายในร่างกาย และจิตใจกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าที่มีอิทธิพลต่อเพศวิถีและชีวิตจนได้คำตอบจากช่วงเวลาที่สอดคล้องกันระหว่างรอบเดือนของเรอและการโคจรของ ดวงจันทร์รอบโลกที่ยาวใกล้เคียงกัน เธอจึงเริ่มศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างควงจันทร์กับสิ่งมีชีวิตบนโลก จนกลายเป็นการท่องโลกทางจิต วิญญาณของตัวเธอเองเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้คนสื่อสารและเชื่อมโยงกับจักรวาลในรูปแบบต่างๆ”

“ยุคก่อนอารยกรรม ดวงจันทร์คือเวลา ผู้คนล้วนเป็นหนึ่งกับวัฏจักรและฤดูกาล ตั้งแต่ช่วงเดือนดับ ข้างขึ้น เต็มดวง ข้างแรม จนถึงเดือนมืด แต่ละช่วงเป็นช่วงเวลาแตกต่างกันในห่วงโซ่แห่งชีวิตตั้งแต่การเพาะเมล็ด ฟูมฟัก จําศีล เก็บเกี่ยวและเฉลิมฉลอง ก่อนพักเพื่อเตรียมการครั้ง ใหม่ วัฏจักรที่หมายถึงชีวิตและกฏรรรมชาตินี้มีจังหวะของการบ่มเพาะ การเพิ่มขึ้น การถึงจุดสูงสุด การเสื่อมถอย การพักผ่อน และการเริ่ม ต้นใหม่ เมื่อวัฏจักรเดิมสิ้นสุดลง รอบใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น สิ่งนี้เองคือความสงบ แรงบันดาลใจและพลังสำหรับเธอ”

“ในเดือนพฤศจิกายน 2023 เธอได้รื้อค้นผลงานเก่าๆ ในบ้านที่สมุทรปราการ จนพบภาพวาดด้วยดินสอในช่วงปี 2018 บางผลงานเธอเริ่ม ทดลองด้วยสีชอล์คพาสเทล บนตัวละครดวงตากลมโตที่ดูเศร้าหมอง ด้วยความรู้สึกย้อนกลับไปวัยเด็กที่ไม่สมหวังนัก เธอจึงนำแรงบันดาล ใจครั้งใหม่พร้อมสีชอล์คพาสเทลชุดนั้นกลับมายังสงขลา และเรียนรู้วิธีใช้มันอีกครั้งด้วยมุมมองที่ต่างไปจากเดิม”

“ใกล้สิ้นเดือนรันวาคม เธอเริ่มค่อยๆไล่ดูภาพวาดชิ้นใหม่บนเทคนิคสีแบบแห้งผสมเปียกในสตูดิโอ จนพบพลังงานอันเต็มเปี่ยมที่ระเบิดออกมา ท่วงท่าที่เร้าอารมณ์ พลังงานที่ได้รับการฟื้นฟู กลายเป็นความสดใหม่ที่ผสมผสานในความรู้สึก จนสร้างเส้นทางการทำงานที่เดินตาม สัญชาตญาณเปิดโอกาสในการสร้างสรรค์ความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด การทำงานแบบไม่กำหนดปลายทาง แต่เรียนรู้จากพลังงานและ สัญลักษณ์ใหม่ๆ ที่ปรากฏขึ้นผ่านการใช้เทคนิคและวิธีการที่ไม่คุ้นเคย นำไปสู่ชิ้นงานที่เปิดเผยความรู้สึกเบื้องลึก ความเชื่อใจในกระบวนการ และการสละ การควบคุม เกิดเป็นพิธีกรรมส่วนตัวของศิลปินกับจิตใต้สำนึกของตนในช่วงเวลาของการสร้างสรรค์ผลงาน”

เพราะตัวเราคือแก่นบูชาของตัวเราเอง

ส่วนหนึ่งของชีวิตเราคือการสนองต่อรรมชาติ ความเชื่อมโยงระหว่างตัวตน และความเป็น ธรรมชาติอันสืบพันธ์อย่างแน่นแฟ้นทั้งช่วงคับแสง เริ่มต้นใหม่ คำสัญญาสู่การอันนั้น การกับความเร็ฐมโยงระหว่างมอบความไว้วางใจ ในปลายทางที่มองไม่เห็นแต่มีอยู่ และกำลังปรากฏขึ้น เช่นเดียวกับวันแรกของพระจันทร์ข้างขึ้น นำไปสู่ความหวัง และความพยายามครั้งใหม่

ในช่วง 45 วันที่เธอได้ทํางานงานศิลปะชุดใหม่นี้ นับเป็นการเปิดประตูครั้งใหม่ท่ามกลางประตูมากมายในจักรวาลศิลปะที่ทําลังเติบโตขึ้นใน ตัวของเธอเอง พร้อมๆ กับความรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องราวบทต่อไปที่กำลังจะมาถึง

LUNATIQUE : Women’s Mind under Lunar Influence and Lunatic Discourse on Existence จัดขึ้นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 24 มีนาคม ปี 2024 (เปิดให้เข้าชมวันพฤหัสบดี-อาทิตย์)

*นิทรรศการนี้เหมาะสำหรับผู้เข้าชมอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี*

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *