เคยสงสัยหรือไม่ ว่าหลายครั้ง เรารู้สึกร้อนอบอ้าวมากกว่าความรู้สึกของอุณหภูมิของอากาศที่ควรเป็นตามค่าที่วัดได้ ไม่ว่าจากทั้งเทอร์โมมิเตอร์ใกล้ตัว หรือพยากรณ์อากาศ
แม้ ‘ความรู้สึก’ ร้อนเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ทั้งร่างกาย ผิวหนัง หรือระบบไหลเวียนเลือด จนถึง การแต่งตัว สภาพอากาศ ความชื้น ความแรงลม และการสัมผัสแสงแดดในแต่ละช่วงเวลา แต่จะมีค่าที่นำอุณหภูมิของอากาศและปัจจัยอื่นไปคำนวณเพื่อบอกเราคร่าวๆ ได้ว่าอุณหภูมิในช่วงเวลานั้นเราสัมผัสได้จริงนั้นอยู่ที่เท่าไร นั่นคือ ‘ดัชนีความร้อน’ หรือ Heat Index (HI)
‘PSU Broadcast’ ชวนทำความรู้จักค่าดัชนีความร้อนนี้ ว่าสำคัญอย่างไร เหตุใดจึงควรสนใจไม่แพ้ไปกว่าอุณหภูมิของอากาศ จากบทสนทนากับ ผศ.ดร. ธรรมรัตน์ พนิชยากุล อาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์และสถิติ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในรายการ ‘แลบ้าน แลเมือง’
![](https://psub.psu.ac.th/wp-content/uploads/2024/04/20240422-Screenshot-Heat-Wave-1024x576.png)
ดัชนีความร้อน ต่างจาก อุณหภูมิทั่วไปอย่างไร?
ดัชนีความร้อน หรือ Heat Index (HI) คืออุณหภูมิที่ “รู้สึก” ได้ในขณะนั้น (real-feel temperature) ว่าอากาศเป็นอย่างไร ตามอุณหภูมิและค่าความชื้นสัมพัทธ์ ซึ่งจะแตกต่างจากค่าอุณหภูมิทั่วไปที่จะวัดค่าความร้อนในพื้นที่นั้นๆ
ตัวแปรสำคัญของ ดัชนีความร้อน คือ ‘ความชื้นสัมพัทธ์’ ในอากาศที่ทำให้การรับรู้อุณหภูมิของร่างกายแตกต่างกันไปแม้จะวัดอุณหภูมิได้ค่าเดียวกันก็ตาม
ความชื้นสัมพัทธ์ คือ ความชื้นที่สะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศ และโดยทั่วไป เมื่อร่างกายเรามีความร้อนภายใน หนึ่งในกลไกที่ระบายความร้อนออกจากร่างกายคือเหงื่อ เมื่อในสภาพอากาศมีความชื้นสัมพัทธ์สูง การระบายเหงื่อของร่างกายจะทำได้ยากขึ้น และความร้อนจะถูกกับเก็บอยู่ในบริเวณผิวหนังของร่างกาย ส่งผลต่อความรู้สึกไม่สบายตัว
![](https://psub.psu.ac.th/wp-content/uploads/2024/04/158_0.jpg)
“สมมติว่าอุณหภูมิประมาณ 33-34 องศาเซลเซียส ถ้าความชื้นสัมพัทธ์อยู่ที่ราว 30-40% เราจะรู้สึกไม่ต่างจากอุณหภูมิ 33-34 องศาฯ แต่ถ้าความชื้นสัมพัทธ์กระโดดไปราว 60% ความรู้สึกร้อนจริงๆ จะทะลุไปถึง 43-44 องศาฯ ได้เลย ถ้าเราดูอุณหภูมิอย่างเดียวจะไม่เพียงพอ” ผศ.ดร. ธรรมรัตน์กล่าว
การคำนวณค่าดัชนีความร้อนตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น จะได้ค่าเป็น อุณหภูมิองศาเซลเซียส (หรือหน่วยบอกอุณหภูมิอื่น เช่น ฟาเรนไฮต์) เช่นเดียวกับอุณหภูมิปกติ
ความสำคัญของค่าดัชนีความร้อน
กรมอุตุนิยมวิทยามีการเผยแพร่ข้อมูลค่าพยากรณ์ดัชนีความร้อนล่วงหน้า 10 วัน ตามเวลา 07:00 น., 10:00 น., 13:00 น. และ 16:00 น. และแบ่งระดับการเตือนภัยจากความร้อนเป็น 4 ระดับตามผลกระทบต่อสุขภาพ คือ เฝ้าระวัง (Caution) เตือนภัย (Extreme Caution) อันตราย (Danger) อันตรายมาก (Extreme Danger) ตามการแบ่งระดับจากกรมอนามัย
![](https://psub.psu.ac.th/wp-content/uploads/2024/04/20240422-Heat-Index-Chart-1024x337.png)
ผศ.ดร.ธรรมรัตน์กล่าวว่าหลายประเทศที่เผชิญเหตุภัยร้อนหรือคลื่นความร้อน (Heat wave) จะมีการประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนค่าดัชนีความร้อนในพื้นที่สาธารณะเพื่อเตรียมมาตรการรับมือ ในประเทศไทยมีให้เห็นเช่น ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เป็นต้น
ปัจจัยกระตุ้นค่าดัชนีความร้อน
นอกเหนือจากปัจจัยที่มีส่วนต่อความร้อนและความชื้นในชั้นบรรยากาศ เช่น ลม ฝน หรือฤดูกาลแล้ว ปรากฎการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงปี 2567 นี้คือ เอลนิโญ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่อุณภูมิของน้ำทะเลบริเวณกลางมหาสมุทรแปซิฟิกอุ่นขึ้นกว่าปกติ และทำให้ประเทศไทยมีแนวโน้มการเกิดฝนน้อยกว่าปกติ และส่งผลต่อการคลายความร้อนในแต่ละพื้นที่อีกต่อหนึ่ง
อีกปัจจัยหนึ่งซึ่งเชื่อมโยงกันคือสถานการณ์ที่อากาศปิด ซึ่งจะส่งผลให้ความหนาแน่นของทั้งความชื้นสัมพัทธ์ และค่าฝุ่น PM2.5 สะสมและระบายออกได้ยากขึ้น ดังที่เกิดขึ้นบริเวณกรุงเทพมหานคร หรือหลายจังหวัดในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
สามารถดูค่าดัชนีความร้อน และพยากรณ์ดัชนีความร้อนล่วงหน้า 10 วัน ได้ที่เว็บไซต์กรมอุตินิยมวิทยา
![](https://psub.psu.ac.th/wp-content/uploads/2024/04/291_0.jpg)
อ่านต่อ
PSU I SEE – อากาศร้อนเสี่ยงฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยง
อาหาร-พฤติกรรม-การนอน คำแนะนำจากแพทย์แผนไทย วิธีดูแลร่างกายช่วงหน้าร้อน
สรุปเสวนา “เมือง(ไม่)รู้ร้อนรู้หนาว ภาคใต้ เพื่อเตรียมความพร้อมของชุมชนเมืองต่อภาวะโลกเดือด”