มองวิกฤตเป็นโอกาส อยู่บ้านปิดเทอมใหญ่ช่วงโควิด

จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้เด็กๆ ต้องหยุดอยู่บ้านตามนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม ในขณะที่พ่อแม่หลายท่านก็อาจจะต้องทำงานที่บ้านแทนการเดินทางไปที่ทำงาน เพราะฉะนั้นนี่ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่พ่อแม่จะได้มีเวลาใกล้ชิดและหมั่นสังเกตพัฒนาการของเด็กๆ ว่าเหมาะสมกับช่วงวัยของพวกเขาหรือไม่

ในหลายครอบครัว พ่อแม่มักจะมีความคาดหวังว่าลูกต้องทำสิ่งต่างๆ ให้ดีที่สุด จนอาจละเลยการสังเกตไปว่าลูกชอบหรือไม่ชอบอะไร มีความสนใจหรือถนัดด้านไหน หรือแม้แต่เรื่องพัฒนาการของลูกว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมกับช่วงวัยของพวกเขาหรือไม่ เพราะฉะนั้นในช่วงนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่พ่อแม่จะหมั่นสังเกตพัฒนาการและพฤติกรรมของลูกอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในด้านการทำงานของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ด้านการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็ก ด้านการสื่อสาร และด้านการช่วยเหลือตัวเอง

โดยในแต่ละช่วงวัย เด็กจะมีพัฒนาการที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. ช่วงขวบปีแรก จะเน้นในเรื่องระบบประสาท การเคลื่อนไหวร่างกาย การขยับตัว เพราะฉะนั้นของเล่นที่เหมาะสมควรเป็นของเล่นที่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับ นอกจากนี้พ่อแม่เองก็มีส่วนสำคัญมากๆ ในช่วงวัยนี้ เพราะเป็นช่วงเชื่อมโยง ช่วงสร้างความไว้ใจกับคนเลี้ยงดู

2. วัย 1-3 ปี เป็นวัยที่เด็กเริ่มเห่อพูด เพราะฉะนั้นพ่อแม่ต้องสื่อสารกับลูกเยอะขึ้น มีการสอนแบบเชื่อมโยงคำศัพท์กับสิ่งที่เห็น โดยของเล่นที่เสริมพัฒนาการสำหรับเด็กวัยนี้ ควรเป็นของเล่นที่ฝึกกล้ามเนื้อมือและจินตนาการ เช่น ของเล่นหยอดรูปทรงหรือตัวต่อ เป็นต้น

3. วัย 3-6 ปี เป็นวัยที่เด็กต้องไปโรงเรียน แต่ด้วยสถานการณ์ COVID-19 อาจจะต้องเรียนออนไลน์โดยใช้หน้าจอเข้ามาช่วยมากขึ้น เพราะฉะนั้นพ่อแม่ต้องกำหนดเวลาและช่วยวางแผนในเรื่องของกิจวัตรประจำวันเพื่อฝึกวินัย

ทั้งนี้ การที่เด็กเริ่มดูจอมากขึ้น อาจทำให้สัมพันธภาพระหว่างครอบครัวลดลง แต่ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ ด้วยการที่พ่อแม่เข้ามามีส่วนร่วมในการใช้จอของลูก และสอนเพิ่มเติมในสิ่งที่ลูกกำลังดูหรือให้ความสนใจ หรือการหากิจกรรมอื่นๆ ให้ลูกได้มีส่วนร่วมและเสริมทักษะใหม่ๆ เช่น กิจกรรมอ่านหนังสือนิทานแทนการใช้จอเพื่อฝึกให้ลูกรักการอ่าน กิจกรรมทำสวน หรือ ทำอาหาร เป็นต้น

ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 พ่อแม่หลายคนอาจไม่อยากพาลูกออกไปนอกบ้าน เพราะกลัวการระบาดของเชื้อ แต่หมออยากแนะนำว่าลักษณะของกิจกรรมกลางแจ้งก็ยังสำคัญต่อพัฒนาการและพฤติกรรมของเด็ก เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาส และเห็นว่าไม่ได้สุ่มเสี่ยงมาก ก็ควรให้โอกาสลูกได้ไปออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือทำกิจกรรมที่ได้ออกแรงบ้าง

อย่างไรก็ตาม หากพ่อแม่เริ่มสังเกตว่าลูกเริ่มมีพัฒนาการและพฤติกรรมที่ผิดปกติจากวัยของเขา ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อที่แพทย์จะได้ช่วยประเมินและกระตุ้นพัฒนาการให้กับเด็กๆ แต่ละคนอย่างเหมาะสม