คณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ผลงาน อุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายจากทวารเทียม

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดย ผศ.นพ.วรวิทย์ วาณิชย์สุวรรณ ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติผลงาน ในผลงาน อุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายจากทวารเทียม  จาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ในการประกาศสุดยอดนวัตกรรมของประเทศไทย ประจำปี 2563   ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ประเภทหน่วยงานภาครัฐ  เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2563  ณ  โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธี  ผลงานดังกล่าวเป็นการนำยางพารามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพิ่มมูลค่ายางพารา และลดการนำเข้าสินค้าทางการแพทย์

รวมทั้งได้รับรางวัล ผลงานที่น่าลงทุนที่สุด  ในงาน THAILAND TECH SHOW 2019 จัดโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  ระหว่างวันที่ 5 – 6 กันยายน 2562  ณ เซ็นทรัลเวิลด์ฯ อีกด้วย

ชุดอุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายจากทวารเทียมจากยางพารา หรือ Thai Colostomy Bag เป็นการนำยางพารามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ลดการนำเข้าสินค้าทางการแพทย์ และเพิ่มมูลค่ายางพาราอันเป็นพืชเศรษฐกิจของ   

ผศ.นพ.วรวิทย์ วาณิชย์สุวรรณ กล่าวว่า อุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายจากทวารเทียม เป็นนวัตกรรมที่ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ที่มี “ทวารเทียม” ผู้ป่วยที่มีทวารเทียมจะต้องขับถ่ายอุจจาระทางรูเปิดของลำไส้ที่ผนังหน้าท้องซึ่งไม่มีหูรูดเหมือน ทวารหนัก ดังนั้นจะมีของเสียไหลทั้งอุจจาระและผายลมออกมาได้ตลอดเวลา จึงมีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายจากทวารเทียม และบางรายจำเป็นต้องใช้ไปตลอดชีวิต อุปกรณ์ดังกล่าวประกอบด้วย แป้นติดผิวหนังและถุงรองรับสิ่งขับถ่าย

ปัญหาที่สำคัญของการใช้อุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายจากทวารเทียมนี้คือ ความขาดแคลน ไม่สามารถเข้าถึงบริการของชุดอุปกรณ์ที่มีจำนวนจำกัดและมีราคาสูงได้เนื่องจากเป็นอุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้อุปกรณ์ดังกล่าว เช่น ผื่นแพ้ที่ผิวหนัง การหลุดลอกของชุดอุปกรณ์ก่อนเวลาอันควร ทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ส่งผลให้เกิดผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

ทางทีมผู้วิจัยจึงทำการพัฒนาอุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายจากทวารเทียม โดยใช้ยางพาราซึ่งสามารถผลิตเองได้ในประเทศเพื่อลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมการใช้จ่ายภายในประเทศ พัฒนาชุดอุปกรณ์ให้มีรูปแบบที่เหมาะกับผิวและผนังหน้าท้องของคนไทย พร้อมดำเนินการการทดสอบมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย

กลุ่มเป้าหมายของอุปกรณ์นี้คือ ผู้ป่วยที่มีทวารเทียมทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนขึ้นทุกปี เนื่องจากทวารเทียมของผู้ป่วยแต่ละท่านมีขนาดที่แตกต่างกัน เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกกลุ่ม จึงมีการผลิตอุปกรณ์ขึ้นมา 3 ขนาด คือ 45 มิลลิเมตร 60 มิลลิเมตร และ 70 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังมีการวางจำหน่ายอุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายจากทวารเทียม ตามร้านขายอุปกรณ์ทางแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลในภาครัฐทั่วประเทศ รวมถึงจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อความสะดวก ลดการเดินทางแก่ผู้ป่วย

“ในอนาคตคาดว่าจะมีการขยายผลผลิตให้เป็นอัตราการใช้ประโยชน์ทั่วทั้งประเทศ โดยร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยอัตราการขยายผลอ้างอิงโดยใช้เกณฑ์ความต้องการใช้ชุดถุงทวารเทียมของผู้ป่วยจริงของประเทศไทยต่อปี ซึ่งเท่ากับ 3,240,000 ชุด/ปี สำหรับผู้ป่วยที่มีทวารเทียม 54,000 ราย โดยแจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ ในอนาคตคาดว่าจะมีการขยายการผลิตให้มีกระบวนการผลิตตามวิถีฮาลาล เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการรับบริการให้แก่ผู้ป่วยชาวมุสลิมอุปกรณ์ที่มีการผลิตขึ้นเองได้ในประเทศ ไม่จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ได้มากขึ้น อุปกรณ์มีราคาครึ่งหนึ่งของราคาเดิมในท้องตลาด รวมถึงผู้ป่วยได้ใช้อุปกรณ์ที่ปลอดภัย ไม่เกิดอาการระคายเคือง ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”