ปลดล็อคพืชกระท่อม ปลูก-ซื้อ-ขายได้ แต่ไม่อนุญาตนำไปปรุง-แปรรูปเป็นอาหาร และผสมกับยาเสพติดให้โทษ

การปลดล็อกให้พืชกระท่อมไม่เป็นยาเสพติดให้โทษ หลังเริ่มมีผลบังคับใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับที่ 8 พ.ศ.2564 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยมีมาตรการควบคุมและกำกับดูแล มีทั้งการกำหนดให้การปลูกพืชกระท่อม การขาย การนำเข้าหรือส่งออกใบกระท่อม โดยประชาชนสามารถปลูก หรือบริโภคกระท่อมตามวิถีชาวบ้านโดยไม่ผสมสารเสพติดอื่นใด และห้ามการนำไปปรุงอาหารหรือเป็นส่วนผสมในอาหารเพื่อจำหน่ายเนื่องจาก พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ยังไม่ปลดล็อกให้สามารถนำพืชกระท่อมไปทำอาหารหรือผสมในอาหารเพื่อจำหน่ายได้

เภสัชกรหญิงวิไลวรรณ สาครินทร์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภค ด้านอาหารและยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา กล่าวว่า เดิมกระท่อมจัดเป็นสารเสพติดให้โทษเมื่อปลดล็อคและประชาชนสามารถปลูก บริโภคกระท่อมตามวิถีชาวบ้านโดยไม่ผสมสารเสพติดอื่นใด โดยในอนาคตจะมี พ.ร.บ. ฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ. พืชกระท่อม ขณะนี้ได้ผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ซึ่งจะมีการควบคุมเรื่องการขายโดยห้ามผู้ใดขายใบกระท่อม น้ำต้มใบกระท่อม อาหารที่มีใบกระท่อมเป็นวัตถุดิบ รวมถึงการระบุห้ามผู้ใดบริโภคใบกระท่อมหรือน้ำต้มใบกระท่อมที่ปรุงผสมกับยาเสพติดให้โทษ เช่น การผสมร่วมกับ 4×100 ห้ามจำหน่ายในสถานที่ต่างๆ เช่น สถานศึกษา, หอพักหรือสวนสาธารณะ เป็นต้น โดยมี พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ว่าด้วยเรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ซึ่งกำหนดให้อาหารที่ปรุงจากพืชกระท่อมเป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้าหรือ จำหน่าย

สำหรับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม ขณะนี้ได้ผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ยังคงเหลือขั้นตอนการเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำส่งกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาดำเนินการต่อและจะนำไปสู่การบังคับใช้พ.ร.บ. ฉบับนี้ โดยมีการควบคุมห้ามมิให้ผู้ใดจำหน่ายใบกระท่อม น้ำต้มใบกระท่อม หรืออาหารที่มีใบกระท่อมเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบ ซึ่งปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ทำหน้าที่ควบคุมการนำไปใช้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และในอนาคตหากมีการปลดล็อคกระท่อมให้สามารถผลิตเป็นอาหารและยารักษาโรคจะต้องขออนุญาตผ่านสำหนักงานสาธารณะสุขจังหวัดเท่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *