ปัญหาปวดใจที่แม่บ้านทั้งมือใหม่มือเก่าจำเป็นต้องเจอ คือการยัดผักรวมกันไว้ในตู้เย็น แต่อยู่ได้ไม่นานก็ช้ำ และเน่าเสีย บางอย่างยังไม่ทันได้กินก็ต้องทิ้งครั้นจะซื้อทีละน้อย กินให้หมด แล้วค่อยออกไปซื้อบ่อยๆ ก็คงไม่ไหวใช่ไหมคะ ซื้อครั้งหนึ่งก็ต้องเอาให้คุ้ม เก็บไว้กินในบ้านได้ทั้งสัปดาห์
ผักทั้งหลายมีอายุในการเก็บที่ค่อนข้างสั้น ไม่ว่าจะเป็น ผักชี ใบกะเพรา ใบโหระพา ต้นหอม ฯลฯ จึงต้องการการทะนุถนอมเป็นพิเศษ เมื่อซื้อมา ขั้นแรกให้นำไปล้างทำความสะอาด ตัดรากออก แล้วแช่ในน้ำเย็นประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้ผักฟื้นคืนชีพกลับมาสดใสเปล่งปลั่งอีกครั้ง จากนั้นจึงซับน้ำให้แห้ง ห่อกระดาษทิชชูให้รอบ แล้วนำไปใส่ถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้แน่นอย่าให้มีลมเข้าไปได้ ส่วนผักหัวอย่างเช่น ผักสลัด ผักกาดขาว และผักกาดเขียวนั้น ใช้วิธีทะนุถนอมคล้ายกัน คือ เด็ดออกมาล้างน้ำให้สะอาดทีละใบ ซับน้ำให้แห้ง แล้วเก็บในกล่องเก็บผักสลัด หรือใส่ถุงพลาสติก ถุงซิปล็อก แล้วคลุมกระดาษทิชชูด้านบน ปิดให้สนิท แค่นี้ก็ยืดอายุผักได้นานขึ้น
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี อร่อย น่ารัก มีประโยชน์มหาศาล กินแล้วสวย แต่มีอายุในการเก็บสั้นมาก เพราะบอบบางเหลือเกิน เป็นผลไม้เมืองหนาว ไม่ทนต่อสภาพอากาศบ้านเรา แต่เราไม่กลัวค่ะ เราจะถนอมผลไม้เบอร์รีให้เก็บไว้กินได้นาน ด้วยวิธีการนี้
1. นำผลเบอร์รีแช่ในน้ำอุ่นที่ผสมน้ำส้มสายชูสักเล็กน้อย เทียบง่ายๆ คือ น้ำเปล่า 3 ถ้วยต่อน้ำส้มสายชู ½ ถ้วย แช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 วินาที นับ 1-30 แล้วเอาขึ้น (น้ำส้มสายชูผสมน้ำอุ่นจะช่วยฆ่าสปอร์แบคทีเรียที่มากับผลไม้ตระกูลเบอร์รี ทำให้ยืดอายุของเบอร์รีได้ดี)
2. วางซับให้แห้งบนผ้าขาวสะอาด
3. ใส่ถุงซิปล็อก ปิดให้สนิทแล้วเก็บในตู้เย็น ข้อห้ามคือ อย่าเก็บผลไม้กับผักในชั้นเดียวกันนะคะ เพราะผลไม้สุกจะปล่อยก๊าซเอธิลีนออกมา ทำให้ผักที่วางอยู่ใกล้ๆ เสียเร็ว
หลายครั้งที่ตู้เย็นไม่ใช่คำตอบสำหรับผักทุกชนิด เอะอะๆ ก็โยนของใส่ตู้เย็น สรุปเพราะเรานั่นแหละที่ทำให้มันเน่าเร็ว เช่น หัวหอม ของคู่ทุกครัวเรือน นั้นชอบพื้นที่อากาศปลอดโปร่ง ลมพัดโกรกเย็นสบาย เคล็ดลับง่ายๆ ถ้าไม่รู้ว่าที่ไหนอากาศปลอดโปร่ง ให้จับเจ้าหอมใหญ่มาใส่ตาข่ายหรือถุงน่องเก่าๆ ที่ไม่ใช้แล้ว แล้วนำมาแขวนไว้ให้มีอากาศถ่ายเททั่วถึง เท่านี้ก็จะยืดอายุหอมใหญ่ของเราได้นานขึ้นไปอีก
เห็ด ใครๆ ก็รู้ว่าเห็ดนั้นเน่าและเสียง่ายแค่ไหน สำหรับคนที่ทำอาหารบ่อยๆ จะถือเป็นอันรู้กันเลยว่าควรซื้อเห็ดมาวันต่อวัน ไม่อย่างนั้นนอกจากเห็ดจะเสียแล้ว ยังเสียเงินด้วย แต่เรายืดอายุมันได้นิดหน่อยค่ะ
วิธีง่ายๆ เมื่อเซื้อเห็ดมาแล้วก็อย่าเพิ่งรีบร้อนล้าง หากยังไม่คิดที่จะทำกินเดี๋ยวนั้น เพราะความชื้นที่อยู่ในตัวเห็ดจะยิ่งทำให้เจ้าเห็ดน้อยๆ เน่าเสียง่ายก่อนที่จะได้กิน เห็ดชอบอากาศถ่ายเทสะดวก คิดง่ายๆ คือเห็ดก็อยากมีอากาศหายใจนั่นเอง ดังนั้นถ้าจะใส่ตู้เย็นก็ให้นำเจ้าเห็ดใส่ในถุงซิปล็อกที่เจาะรูรอบๆ ถุง ข้อดีคือผิวของเห็ดจะยังเต่งตึงชุ่มชื้น ส่วนข้อเสียคือเก็บได้ไม่นาน เพียงแค่ 3 วันเท่านั้น แต่ถ้าอยากเก็บให้นานขึ้น ประมาณ 5 วัน ให้เก็บนอกตู้เย็น โดยใส่เห็ดในถุงก๊อบแก๊บ เปิดปากถุงให้กว้างๆ ให้เห็ดได้หายใจสะดวก วางไว้ริมหน้าต่างหน่อยยิ่งดี แต่วิธีนี้จะทำให้ผิวของเห็ดแห้งและดูเหี่ยวลงนะ
มันฝรั่ง ทำอะไรก็อร่อย แต่ละบ้านจึงมีมันฝรั่งติดห้องครัวเสมอ เช่นเดียวกับหอมใหญ่ อย่าจับมันโยนเข้าตู้เย็นรวมกับผักอื่นนะ เพราะความเย็นจากตู้เย็นนั้นมักทำให้เกิดความชื้น และความชื้นนั่นเองทำให้แป้งในมันฝรั่งกลายเป็นสีน้ำตาล ส่งผลให้มันฝรั่งเสียรสชาติ แล้วก็อย่าเอาไปห้อยรวมกับหอมใหญ่ด้วย มันกับหอมห้ามเอาไว้ใกล้กันเด็ดขาด! เพราะผักทั้งสองอย่างนี้จะกระตุ้นซึ่งกันและกัน ทำให้รากงอกเร็วทั้งคู่!
มันฝรั่งชอบความมืดและอากาศถ่ายเทสะดวก ฝรั่งนิยมเก็บไว้ในห้องชั้นใต้ดิน หรือห้องใต้หลังคาที่มืดมิดแต่ยังมีอากาศหมุนเวียน ส่วนบ้านเราก็เก็บในตู้กับข้าวบ้านๆ ได้เลยค่ะ แบบที่มีมุ้งลวดหรือบานเกล็ดให้อากาศเข้าถึง อีกวิธีคือให้เก็บเจ้ามันฝรั่งไว้ในตะกร้ามีรู แล้วปิดด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ด้านบน นำไปวางในที่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง แค่นี้ก็เก็บเจ้ามันฝรั่งไว้ได้นานเป็นเดือนแล้ว
มะเขือเทศใครๆ ก็รู้ว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่คิดว่าหลายๆ คนยังคงไม่ทราบว่าไม่ควรเก็บมะเขือเทศไว้ในตู้เย็น เพราะความเย็นและความชื้นทำให้มะเขือเทศเสียรสชาติได้ง่าย การเก็บมะเขือเทศที่ดีและยังคงรสชาติความอร่อยได้นั้น ควรเก็บไว้นอกตู้เย็น
หากล่องหรือลังกระดาษ ปูด้วยผ้าให้เต็ม แล้ววางมะเขือเทศโดยเอาด้านขั่วลง วางเรียงบนตะแกรงโดยเว้นระยะห่างระหว่างแต่ละลูกเล็กน้อย เพื่อให้ขั้วของมะเขือเทศจะสัมผัสกับอากาศและแสงแดดน้อยลง เป็นการชะลอการสุกได้ และเก็บมะเขือเทศไปได้อีกเป็นเดือน แต่นี่เป็นวิธีเก็บมะเขือเทศที่ยังไม่สุกดี ส่วนมะเขือเทศที่สุกจัดแล้วนั้น ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องและห่างไกลจากแสงแดดแบบเดียวกับมันฝรั่ง ด้วยการวางเรียงกันแบบหันขั่วขึ้นด้านบน และไม่ควรวางมาเขีือเทศทับซ้อนกัน เท่านี้เราก็เก็บมะเขือเทศสุกต่อไปได้อีกประมาณ 1 สัปดาห์
ขอบคุณข้อมูล: krua.co
